xs
xsm
sm
md
lg

เอ็มดีบางจากฯ เดินหน้าโรงกลั่นใหม่ ส่งสัญญาณปี 61 ไทยต้องมีเพิ่ม 1 โรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิเชียร อุษณาโชติ
ASTVผู้จัดการรายวัน – “วิเชียร” บิ๊กบางจาก สานต่อไอเดีย”อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล”เอ็มดีเดิม ศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงกลั่นใหม่ 3 แสนบาร์เรล หลังประเมินในปี 2561 ไทยต้องมีโรงกลั่นใหม่เพิ่ม เตรียมจ้างผู้รับเหมาติดตั้งโซลาร์ เฟส 3 อีก 48 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 5.7 พันล้านบาท ยันเงินบาทแข็งไม่กระทบ เพราะป้องกันความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง และผู้บริโภคได้ใช้น้ำมันถูกลง

นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศ ทำให้เชื่อว่าในปี 2561 ไทยต้องสร้างโรงกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 1 โรง ซึ่งบางจากฯ ก็มีการเตรียมการศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้อยู่ โดยพื้นที่ตั้งโรงกลั่นใหม่นั้นต้องไม่ห่างไกลจากชายฝั่งทะเลเพื่อสะดวกในการขนส่ง ซึ่งขนาดโรงกลั่นที่เหมาะสมต้องมีกำลังการกลั่นไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาร์เรล/วัน และต่อยอดไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีด้วย เพื่อกระจายความเสี่ยง

“การสร้างโรงกลั่นใหม่ต้องใช้เวลาศึกษาและก่อสร้าง 7-8 ปีซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันในอนาคต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาหาข้อมูล สถานที่ตั้ง รวมทั้งหาผู้ที่สนใจร่วมทุนด้วย”

นายวิเชียร์กล่าวว่า ในเดือน มี.ค.นี้จะหาผู้รับเหมาติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เฟส 3 (โซลาร์ฟาร์ม) อีก 48 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 5,700 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการติดตั้งและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2557 ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 2,800 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะมี EBITDA ไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท เนื่องจากโรงโซลาร์ฟาร์ม เฟส 2 อีก 32 เมกะวัตต์ ที่ จ.ชัยภูมิ และ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จ่ายไฟเข้าระบบในไตรมาส 1/2556

ดังนั้น ปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมี EBITDA ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% เนื่องจากเพิ่มปริมาณการกลั่นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.1 แสนบาร์เรล/วัน โดยค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น ส่งผลดีทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกลดลง โดยเงินบาทที่แข็งค่าทุก 1 บาท/ดอลลาร์จะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกลดลง 80 สตางค์/ลิตร ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในปีนี้ไม่น่าผันผวนมากนักอยู่ที่ระดับ 90-115 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 105 เหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าปีก่อนที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ 109 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุที่ราคาน้ำมันไม่ผันผวนมากนัก แม้ว่าเศรษฐกิจจีนและอินเดียการมีขยายตัว และสหรัฐฯผ่านสภาวะหน้าผาการคลังไปได้ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รวมทั้งความขัดแย้งของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน แต่เศรษฐกิจยุโรปยังไม่ดีขึ้น และการค้นพบเชลล์แก๊ส และเชลล์ออยล์ในสหรัฐฯ ทำให้โอเปกต้องลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงให้ราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวสูงนัก

“ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากมีการสต๊อกน้ำมันอยู่ในรูปเงินดอลลาร์ ซึ่งบริษัทก็แปลงหนี้บาทเป็นดอลลาร์เพื่อให้สอดคล้องกับสต็อก ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงิน”

สำหรับแผนการตลาดธุรกิจค้าปลีกบางจากฯในปีนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มปั๊มใหม่อีก 50 แห่งในปีนี้ รวมทั้งปรับปรุงภาพลักษณ์ปั๊มเพิ่ม 120 แห่ง เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า โดยมีเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันเป็นอันดับ 2 รองจาก ปตท.ในปี 2558 ขณะเดียวกันก็มีแผนขยายปั๊มบางจากไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า และลาว ไม่น้อยกว่า 10 แห่งใน 2-3 ปีข้างหน้านี้

ส่วนธุรกิจนอนออยล์นั้น บางจากฯ จะร่วมมือกับ บิ๊กซี ขยายร้านสะดวกซื้อมินิ บิ๊กซีเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 แห่งในปั๊มบางจากภายในกลางปี 2557 จากปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่ง รวมทั้งขยายร้านกาแฟอินทนินเพิ่มขึ้น เป็นิ 500 สาขาในปี 2558 จากปัจจุบันมีอยู่ 250 แห่งด้วย

นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากมีคลังน้ำมันอยู่ 5 ล้านบาร์เรล โดยมีการป้องกันความเสี่ยงโดยเฮดจิ้งไว้ 2 ล้านบาร์เรล คิดเป็น 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกันก็เตรียมจะทำฟอร์เวิร์ดค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 40-45%ของค่าการกลั่น (GRM) จากเดิมที่ทำฟอร์เวิร์ดไว้ที่ 30% โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 1 บาท/ดอลลาร์ กระทบกำไรบางจากปีละ 200 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรกนี้จะรับรู้รายได้จากการประกันเความเสียหายจากทรัพย์สินที่เหลือในเหตุการณ์เพลิงไหม้หน่วยกลั่นเมื่อปีที่แล้วอีก 100-200 ล้านบาท และค่าสูญเสียโอกาสอีก 600 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น