“บางจาก ปิโตรเลียม” ศึกษาตั้งโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 2 ขนาด 1.5 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่โตขึ้นทั้งในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เล็งหาพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมันเข้าร่วมทุน เพื่อตั้งโรงกลั่นแบบครบวงจรทั้งโรงกลั่น และปิโตรเคมี คาดใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ฟุ้งปี 56 กำไรพุ่งจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น หวั่น MTBE ฟื้นคืนชีพหากผู้ค้าน้ำมันแห่ขายเบนซิน 95
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการการสร้างโรงกลั่นน้ำมันบางจากฯ แห่งที่ 2 ขนาดกำลังการกลั่น 1.5 แสนบาร์เรล/วัน ใช้เงินลงทุนประมาณนับแสนล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันทั้งในไทย และประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นโดยตลาดในไทยมีการใช้น้ำมันโตขึ้นเฉลี่ย 2-3% ต่อปี ขณะที่ยอดขายน้ำมันบางจากโตเฉลี่ยปีละ 4-5% อยู่ที่ระดับวันละ 1 แสนบาร์เรล ส่วนความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา พม่าก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย
การตั้งโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่นี้จะใช้เงินลงทุนสูงมาก จำเป็นต้องมีพันธมิตรร่วมทุนที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันเข้าร่วมด้วย เช่น จีน ซึ่งโครงการนี้จะมีการต่อยอดลงทุนสู่ธุรกิจอะโรเมติกส์ด้วย คาดว่าใช้เวลาดำเนินการ 7-8 ปีเพื่อหาที่ตั้งโรงกลั่นใหม่ซึ่งต้องอยู่ใกล้ทะเล และพันธมิตรร่วมทุน โดยเรื่องนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้รับทราบ แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการอนุมัติ คงต้องให้นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่บางจากคนใหม่สานต่อไป
“ยอมรับว่าประเทศเพื่อนบ้านไทยก็สนใจตั้งโรงกลั่นน้ำมัน แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันยังน้อยไม่คุ้มที่จะลงทุน ดังนั้น หากส่งน้ำมันจากไทยไปจำหน่ายจะมีความเหมาะสมกว่า อีกทั้งบางจากมีแผนตั้งปั๊มน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านก็จะนำน้ำมันจากโรงกลั่นไปจำหน่ายโดยตรงรวมกับปริมาณการขายน้ำมันผ่านปั๊มบางจากก็เกือบเต็มกำลังการกลั่นอยู่แล้ว อนาคตไทยต้องมีโรงกลั่นใหม่แน่”
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินการซ่อมแซมหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้โรงกลั่นน้ำมันกลับมากลั่นได้เต็มที่ 1.1 แสนบาร์เรล/วันต่อเนื่องไปถึงปีหน้า เพราะไม่มีแผนต้องหยุดซ่อมประจำปี มีค่าการกลั่นเฉลี่ย 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ในกลางปี 2557 บางจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่โดยจะเปลี่ยนหอกลั่นใหญ่ขนาด 8 หมื่นบาร์เรล/วัน เมื่อติดตั้งหอกลั่นใหม่จะทำให้โรงกลั่นบางจากผลิตน้ำมันได้เพิ่มเป็น 1.4 แสนบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ ในการดำเนินการซ่อมแซมโรงกลั่น มีบริษัทฯ ฟอสเตอร์ วีลเลอร์ บริษัท ดูปองท์ และบริษัทโตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรม ทบทวนตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อความมั่นใจเหนือมาตรฐานสากล ทำให้โรงกลั่นบางจากกลั่นได้เต็มที่ 1.1 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้ไตรมาส 4 นี้ บริษัทฯ มีค่าการกลั่นอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ดังนั้น ในปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี ( EBITDA) มากกว่า 9 พันล้านบาท จากปีนี้ที่มี EBITDA อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท เนื่องจากมีกำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และได้รับเงินค่าประกันภัยจากเหตุการณ์เพลิงไหม้หอกลั่น 3 รวมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อีก 1.5 พันล้านบาท จากปีนี้ที่รับรู้รายได้เพียง 400 ล้านบาท
ส่วนแผนการตลาดในปี 2556 บริษัทฯ จะเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ 25 แห่ง ปรับปรุงสถานีบริการเดิม (รีแบรนดิ้ง) 120 แห่ง และมีปั๊มน้ำมันแบรนด์อื่นเปลี่ยนมาเป็นบางจาก 15 แห่ง และขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน 3 แห่ง รวมทั้งมีการเปิดร้านมินิบิ๊กซีเพิ่มขึ้นเป็น 100 แห่ง จากสิ้นปีนี้มีอยู่ 10 แห่ง
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบในปลายปีนี้ว่า จะทรงตัวในระดับสูง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 103-107 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน และความขัดแย้งของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 30 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ลิตรละ 34-35 บาท น้ำมันอี 20 ลิตรละ 31-32 บาท เนื่องจากรัฐยังคงนโยบายภาษี และเงินกองทุนน้ำมันอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีนโยบายยกเลิกเบนซิน 91 ว่า โรงกลั่นบางจากจะหยุดกลั่นน้ำมันเบนซิน 91 นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 เป็นต้นไป โดยสต๊อกน้ำมันเบนซิน 91 ที่มีอยู่คาดว่าจำหน่ายหมดภายใน 1 เดือน หลังจากนั้น ปั๊มบางจากจะจำหน่ายแต่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และดีเซล โดยมีนโยบายที่จะไม่จำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 เนื่องจากไม่ต้องการเห็นการใช้สาร MTBE ฟื้นคืนชีพอีกครั้งซึ่งเป็นสารที่มีพิษ และต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงไม่อยากให้ราคาเบนซิน 95 ปรับลดลงมา