xs
xsm
sm
md
lg

เสี่ยน้ำมันองุ่นทุ่ม 80 ล้านลุยศึกเคเบิลทีวีธรรมะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายน่าคบ เพื่อนรัก ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำกัด หรือเดิมคือ นายวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์
“ตระกูลวิทยฐานกรณ์” เจ้าของธุรกิจน้ำมันตราองุ่น โดดร่วมศึกเคเบิลทีวี ควักกระเป๋า 80 ล้านบาทผุดช่อง “ไทยภิรมย์” สร้างมิติใหม่ ใช้วิถีธรรม นำวิถีทุน ไม่มุ่งกำไร หวังสปอนเซอร์เลี้ยงตัว หมดทุนเลิกทำ  

นายน่าคบ เพื่อนรัก ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำกัด หรือเดิมคือ นายวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ อดีตกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืช ตราองุ่น เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเกษียณอายุการทำงานจากบริษัทเดิมมาได้ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีหุ้นในบริษัทอยู่ราว 8% โดยที่ผ่านมาได้ใช้เวลาว่างไปกับสิ่งที่ตัวเองรักและเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธรรมะหรือกิจกรรมเพื่อสังคม จนนำมาซึ่งการเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น “น่าคบ เพื่อนรัก” 

ล่าสุดมองเห็นช่องทางในสื่อเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเป็นอีกสื่อหนึ่งที่มีอิทธิพลสูงในสังคมปัจจุบัน และบวกกับคำชักชวนของเพื่อนๆ ในวงการธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำกัด ขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้งบลงทุนรวม 80 ล้านบาท ใช้ไปแล้วกับการจดทะเบียนบริษัท 30 ล้านบาทเพื่อดำเนินการทำห้องส่งไป 15 ล้านบาท ผลิตคอนเทนต์ 25 ล้านบาท รวมแล้วขณะนี้ใช้งบลงทุนไปแล้ว 40 ล้านบาท โดยช่องไทยภิรมย์ได้เริ่มออกอากาศมาตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสามารถรับชมได้ทางจานดาวเทียมพีเอสไอ ทางช่อง 33 ซึ่งเป็นช่องทีวีไดเร็ค, กล่องบิ๊ก 4 ช่อง 108, กล่อง GMMZ ช่อง 192 และจาน IPM ทางช่อง 328 

ลักษณะช่องไทยภิรมย์จะแตกต่างจากช่องทีวีดาวเทียมทั่วไป เนื่องจากที่ผ่านมามีเวลาการนำเสนอรายการอยู่เพียง 2 รายการ คือ รายการ The BOSS ความยาว 45 นาที และรายการมหาพาเพลิน ประมาณ 15 นาที รวมแล้วขณะนี้ช่องไทยภิรมย์มีรายการออกอากาศเพียงวันละ 1 ชม. และเป็นช่องหนึ่งที่อยู่ในช่องหลักของแต่ละแพลตฟอร์มที่กล่าวมา 

ส่วนเดือน ก.พ.นี้จะมีรายการอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา เช่น น้ำพักน้ำแรง, จากเก่าสู่ใหม่, อัจฉริยะดนตรี, ปลายฟ้าวัฒนธรรม, วาไรตี้ทีน, ซีรีส์น้ำ และเที่ยวไปตามใจฝัน โดยได้สลอตเวลาออกอากาศทุกวัน คือช่วงเวลา 20.30-21.30 น.

นายน่าคบกล่าวต่อว่า เนื่องจากเป็นช่องรายการที่ไม่แสวงหากำไร แต่สร้างประโยชน์คืนสู่สังคม ดังนั้นจากที่ใช้งบลงทุนไปแล้ว 40 ล้านบาท หากไม่มีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ทุนที่เหลือสามารถรองรับการผลิตรายการได้อีกไม่เกิน 160 วัน เมื่อถึงเวลานั้นก็จะยุติการดำเนินงานลง แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันมีสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนบ้างแล้ว เช่น น้ำมันพืชตราองุ่น, ผลิตภัณฑ์ตราเกษตร, ฟลาย นาว เป็นต้น

โดยต้นทุนของแต่ละรายการต่อ 1 ชม.อยู่ที่ 6 หมื่นบาท ดังนั้นต่อ 1 รายการมองว่าจะต้องมีสปอนเซอร์ที่ 5 รายจึงจะสามารถเลี้ยงตัวได้ เบื้องต้นต้องการนำเสนอรายการในแต่ละวันที่ 5 ชม. รูปแบบรายการจะเสนอแบบภาพยนตร์ จึงมีต้นทุนการผลิตสูง 

อย่างไรก็ตาม หากช่องไทยภิรมย์สามารถดำเนินการต่อไปได้แล้ว ยังมองถึงตลาดเออีซี ในการที่จะขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น รวมถึงลาวที่สนใจให้เราเข้าไปสอนวิธีการผลิตรายการด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น