“โตชิบา” แนะรัฐทบทวนเรื่องแจกคูปองกระตุ้นทีวีดิจิตอล ชี้อดีตเป็นบทเรียนมาแล้ว กรณีคูปองน้ำท่วม 2,000 บาท หวั่นโละทีวีเก่าเป็นปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์
นายณัฐพงษ์ อารีกุล รองประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ให้ความเห็นถึงกรณีที่ภาครัฐบาลมีโครงการที่จะแจกคูปองเป็นส่วนลดเพื่อนำไปซื้อทีวีดิจิตอล ภายหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกมาประกาศการใช้สัญญาณทีวีดิจิตอลจริงว่า ภาครัฐบาลควรจะนำโครงการดังกล่าวกลับมาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนดำเนินการ เพราะในอดีตก็เคยมีปัญหามาแล้วในช่วงหลังน้ำท่วมที่ภาครัฐแจกคูปองมูลค่า 2,000 บาทให้ประชาชนนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปัญหาตามมามากมายในรายละเอียด และเป็นโครงการที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี
การทำเช่นนั้นกลับเป็นการทำประชานิยมอย่างชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มากมายที่จะตามมาภายหลัง โดยปัญหาของเครื่องรับโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกเดิมที่มีเป็นจำนวนมาก ที่ยังอยู่ในท้องตลาดที่ยังสามารถใช้การได้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ต้องถูกนำมาทิ้งเพราะผู้บริโภคจะหันไปซื้อทีวีดิจิตอลรุ่นใหม่หมด จะกลายเป็นปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลกระทบตามมาอีก
“จริงๆ แล้วการจะเปลี่ยนถ่ายสู่ระบบดิจิตอลนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ทั้งหมดก็ได้ เพราะถ้าบ้านไหนมีทีวีหลายเครื่องต้องซื้อใหม่จะเป็นภาระที่มากมาย อีกทั้งวิธีที่จะรับชมระบบดิจิตอลนั้นมีหลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องซื้อทีวีดิจิตอลก็ได้ เช่น การใช้ระบบกล่อง หรือเสาอากาศ หรือระบบอื่นๆ ที่ต้องมีการพัฒนาขึ้นมา ซึ่งในต่างประเทศก็มีการใช้ระบบอื่นเหมือนกัน ที่จะรับชมดิจิตอลได้โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่”
สำหรับโตชิบเองนั้น หากมองถึงความพร้อมก็มีอยู่แล้ว ซึ่งในต่างประเทศโตชิบาก็ได้มีการทำตลาดบ้างเช่นกัน ทั้งในญี่ปุน ออสเตรเลีย อเมริกา หรือยุโรป แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อทุกครัวเรือนเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอลหมดแล้ว ความต้องการซื้อทีวีใหม่ก็จะลดลง ซึ่งโตชิบามีฐานผลิตทีวีดิจิตอล 2 แห่ง คือ ที่อินโดนีเซีย และโปแลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยนำทีวีดิจิตอลเข้ามาให้บริการในไทยบ้างแล้ว คือติดตั้งที่โรงแรมดิโอกูระเพรสทีจกรุงเทพ
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของโตชิบาในปีนี้ ตั้งงบตลาดรวมไว้ที่ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่องและการทำโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดคือการเปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ชื่อ “ทวิสท์ ซีรีย์” เป็นนวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีและการออกแบบประกอบด้วย 3 รุ่น คือ ทวิสท์ พาสชัน, ทวิสท์ ไลน์ และทวิสท์ เพื่อตอบสนองตามความต้องการของไลฟ์สไตล์ลูกค้า โดยจะใช้งบตลาดสำหรับตู้เย็นมากกว่า 250 ล้านบาท หรือ 50% ของงบตลาดเพื่อทำกิจกรรมการตลาดกลุ่มสินค้าตู้เย็นตลอดปีนี้
บริษัทฯ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้โตชิบาจะมีส่วนแบ่งตลาดรวมตู้เย็น 19% จากปัจจุบัน 16% จากการที่โตชิบาจะสามารถทำตลาดตู้เย็น 2 ประตูได้อีกครั้งในปีนี้หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยคาดว่ารอบปีบัชี 2555 (เม.ย. 54 - มี.ค. 55) บริษัทฯจะมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท เติบโต 15% ส่วนปีนี้คือรอบปีบัญชี 2556 คาดว่าจะมีรายได้ 11,000 ล้านบาท เติบโต 10%
นายณัฐพงษ์ อารีกุล รองประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ให้ความเห็นถึงกรณีที่ภาครัฐบาลมีโครงการที่จะแจกคูปองเป็นส่วนลดเพื่อนำไปซื้อทีวีดิจิตอล ภายหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกมาประกาศการใช้สัญญาณทีวีดิจิตอลจริงว่า ภาครัฐบาลควรจะนำโครงการดังกล่าวกลับมาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนดำเนินการ เพราะในอดีตก็เคยมีปัญหามาแล้วในช่วงหลังน้ำท่วมที่ภาครัฐแจกคูปองมูลค่า 2,000 บาทให้ประชาชนนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปัญหาตามมามากมายในรายละเอียด และเป็นโครงการที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี
การทำเช่นนั้นกลับเป็นการทำประชานิยมอย่างชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มากมายที่จะตามมาภายหลัง โดยปัญหาของเครื่องรับโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกเดิมที่มีเป็นจำนวนมาก ที่ยังอยู่ในท้องตลาดที่ยังสามารถใช้การได้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ต้องถูกนำมาทิ้งเพราะผู้บริโภคจะหันไปซื้อทีวีดิจิตอลรุ่นใหม่หมด จะกลายเป็นปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลกระทบตามมาอีก
“จริงๆ แล้วการจะเปลี่ยนถ่ายสู่ระบบดิจิตอลนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ทั้งหมดก็ได้ เพราะถ้าบ้านไหนมีทีวีหลายเครื่องต้องซื้อใหม่จะเป็นภาระที่มากมาย อีกทั้งวิธีที่จะรับชมระบบดิจิตอลนั้นมีหลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องซื้อทีวีดิจิตอลก็ได้ เช่น การใช้ระบบกล่อง หรือเสาอากาศ หรือระบบอื่นๆ ที่ต้องมีการพัฒนาขึ้นมา ซึ่งในต่างประเทศก็มีการใช้ระบบอื่นเหมือนกัน ที่จะรับชมดิจิตอลได้โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่”
สำหรับโตชิบเองนั้น หากมองถึงความพร้อมก็มีอยู่แล้ว ซึ่งในต่างประเทศโตชิบาก็ได้มีการทำตลาดบ้างเช่นกัน ทั้งในญี่ปุน ออสเตรเลีย อเมริกา หรือยุโรป แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อทุกครัวเรือนเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอลหมดแล้ว ความต้องการซื้อทีวีใหม่ก็จะลดลง ซึ่งโตชิบามีฐานผลิตทีวีดิจิตอล 2 แห่ง คือ ที่อินโดนีเซีย และโปแลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยนำทีวีดิจิตอลเข้ามาให้บริการในไทยบ้างแล้ว คือติดตั้งที่โรงแรมดิโอกูระเพรสทีจกรุงเทพ
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของโตชิบาในปีนี้ ตั้งงบตลาดรวมไว้ที่ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่องและการทำโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดคือการเปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ชื่อ “ทวิสท์ ซีรีย์” เป็นนวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีและการออกแบบประกอบด้วย 3 รุ่น คือ ทวิสท์ พาสชัน, ทวิสท์ ไลน์ และทวิสท์ เพื่อตอบสนองตามความต้องการของไลฟ์สไตล์ลูกค้า โดยจะใช้งบตลาดสำหรับตู้เย็นมากกว่า 250 ล้านบาท หรือ 50% ของงบตลาดเพื่อทำกิจกรรมการตลาดกลุ่มสินค้าตู้เย็นตลอดปีนี้
บริษัทฯ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้โตชิบาจะมีส่วนแบ่งตลาดรวมตู้เย็น 19% จากปัจจุบัน 16% จากการที่โตชิบาจะสามารถทำตลาดตู้เย็น 2 ประตูได้อีกครั้งในปีนี้หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยคาดว่ารอบปีบัชี 2555 (เม.ย. 54 - มี.ค. 55) บริษัทฯจะมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท เติบโต 15% ส่วนปีนี้คือรอบปีบัญชี 2556 คาดว่าจะมีรายได้ 11,000 ล้านบาท เติบโต 10%