เบรกซื้อเมล์เอ็นจีวี ครม.สั่งศึกษาข้อมูลเพิ่ม

ครม.ตีกลับซื้อรถเมล์เอ็นจีวี สั่งคมนาคมหารือ สศช.ทำข้อมูลเพิ่ม ทั้งแผนแก้หนี้ 7 หมื่นล้าน และลงทุนปั๊มเอ็นจีวี พร้อมแต่งตั้งรองปลัด และผู้ตรวจคมนาคม

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (15 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่พิจารณาโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน วงเงินประมาณ 13,163 ล้านบาท ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น เช่น การลดภาระหนี้สินของ ขสมก.ประมาณ 70,000 ล้านบาท และการก่อสร้างสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวีและวงเงินลงทุนเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อทำความเข้าใจและหาข้อสรุปเสนอ ครม.เร็วที่สุด ส่วนจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้าหรือไม่ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้

นอกจากนี้ ครม.ยังได้พิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารระดับ 10 ของกระทรวงคมนาคม 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ เกวี รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงคมนาคมด้านโครงสร้างพื้นฐาน, นายพงษ์วรรณ จารุเดชา รองอธิบดีกรมเจ้าท่า(จท.) และนายชาญชัย สุวิสุทธะกุล รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ส่วนตำแหน่งรองอธิบดี ทล., รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และรอง ผอ.สนข.ที่ว่างอยู่นั้น จะพิจารณาแต่งตั้งจากคนภายในหน่วยงานตามความเหมาะสมต่อไป

นายชัชชาติกล่าวว่า ครม.ยังให้เร่งพิจารณาลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (เอ็มโอยู) ด้านการขนส่งระหว่างไทย-ลาว-จีน หลังจากไทยได้ลงนามกับลาว และไทย-ลาว-เวียดนาม เกี่ยวกับการขนสินค้าข้ามแดนไปแล้ว โดยจะเป็นการทำในรูปแบบข้อตกลงในอนุย่อยก่อน โดยจะเสนอสภาเพื่อพิจารณามาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 คาดว่าจะใช้ 6 เดือน จากนั้นจะเร่งลงนามในเอ็มโอยูต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นจะกำหนดการขนสินค้าข้ามแดนระหว่างไทย-ลาว-จีน ได้ฝ่ายละ 100 คันต่อวัน ซึ่งจะสอดคล้องกับการเปิดใช้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 หรือเชียงของ-ห้วยทราย จะเปิดให้บริการประมาณกลางปี 2556 นี้ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย

และเห็นชอบให้ใช้วิธีอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาจ้างก่อสร้างและข้อตกลงจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างโครงการบูรณะทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 ถนนวงแหวนรอบนอก ภายใต้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลญี่ปุ่น วงเงิน 2,176 ล้านบาท โดยจะยกระดับถนน 1 ฝั่งช่วงระหว่างบางปะอิน-วังน้อย ระยะทาง 20 กิโลเมตร เพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต