xs
xsm
sm
md
lg

กรีซ.....กรณีศึกษาของการอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรีซประเทศต้นแบบของประชาธิปไตยแห่งแรกของโลก และประเทศแห่งความสวยงามของธรรมชาติและร่องรอยอารยะธรรมทางประวัติศาสตร์  ปี 2011 ได้ทำให้ ผู้คนทั้งโลกได้ไห้ความสำคัญและจับจ้องมายังประเทศแห่งนี้ มีอะไรเกิดขึ้น     

  โศกนาฏกรรมใหม่ทางประวัติศาสตร์ได้เกิดขึ้น  นาย เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาได้ให้การต่อคณะกรรมาธิการการเงินและการธนาคารของสหรัฐอเมริกาว่า Goldman Sachs Investment Bank.และกลุ่มบริษัทใน Wall Street. มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าเป็นต้นตอของการก่อเกิดวิกฤตทางการเงินในประเทศกรีซ(New York Times,14 Feb.2010) พฤติกรรมที่น่าสงสัยคือ การร่วมมือกับรัฐบาลของกรีซหลายๆสมัยในการตกแต่งบัญชีทางการเงินของประเทศ     

  ช่วงก่อนทศวรรษที่ 90 ประเทศกรีซมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศเยอรมันประมาณ 10% ประชาชนชาวกรีกส่วนใหญ่ไม่หนี้ ไม่มีบัตรเครดิต มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอัตราที่ต่ำมาก ด้วยเหตุนี้ผู้นำประเทศกรีซได้มองเห็นความเจริญเติบโตประเทศในยุโรปหลายๆประเทศโดยเฉพาะประเทศเยอรมัน  เมื่อมีการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศในยุโรปจนนำไปสู่การใช้เงินตราสกุลเดียวก็คือเงินยูโรโดยมีเศรษฐกิจของเยอรมันเป็นศูนย์กลางของยูโรโซน  ผู้นำประเทศกรีซจึงมองเห็นโอกาสครั้งสำคัญนี้ในการเข้าร่วมในยูโรโซน  แต่การจะเข้าร่วมได้นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนและเตรียมการเป็นอย่างดี และ Goldman Sachs ก็มองเห็นโอกาสนี้เช่นกัน   

  ช่วงหลังปี 1990 กรีซได้ดำเนินการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของการเข้าเป็นสมาชิกของยูโรโซนด้วยการควบคุมการก่อหนี้จนเกินตัวคือ การขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(GDP) ,เงินเฟ้อให้อยู่ระดับเดียวกับประเทศเยอรมัน ซึ่งไม่ง่ายสำหรับประเทศกรีซ  จึงต้องมีการสร้างหรือตกแต่งบัญชีของประเทศขึ้น เช่น การนำเอาเงินสวัสดิการการเกษียณอายุออกจากงบบัญชี การตรึงราคาสาธารณูปโภค (น้ำประปา ไฟฟ้า) การนำสินค้าราคาแพงออกจากการคำนวณเงินเฟ้อแล้วเอาสินค้าที่ราคาถูกกว่าเข้ามาคำนวณแทน 

  ในที่สุดปี 2001 กรีซก็ประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมยูโรโซนและสามารถใช้เงินสกุลยูโร  สามารถสร้างหนี้ได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเท่ากับประเทศอื่นในยูโรโซน  โดยที่ต้องควบคุมการขาดดุลไม่ให้เกิน 3% ของ GDP  ประกอบกับการที่ Investment Bank. อย่าง Goldman Sachs ได้ให้คำปรึกษาเรื่องของการตกแต่งบัญชี งบประมาณของประเทศ  เช่น การนำรายได้ในอนาคตมาคำนวณรายได้ในปัจจุบันเช่น ค่าทางด่วน ค่าสนามบิน ค่าบริการท่าเรือ

การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจหลายเท่า เพื่อให้ได้รับความนิยมทางการเมือง และทำให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดจนประชาชนเข้าใจว่าเศรษฐกิจดีจากการเข้าร่วมในยูโรโซน

การปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และง่ายต่อการให้สินเชื่อโดยเฉพาะผู้ขอกู้ที่มีความใกล้ชิดกับนักการเมือง หรือข้าราชการ จนเป็นผลทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยจาก เช่น รถยนต์หรูจากเยอรมันและอิตาลี สินค้าแบรนด์เนม จากฝรั่งเศส เข้ามาเป็นจำนวนมาก(ซึ่งมาก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ)

Gary D.Cohn ประธานของ Goldman Sachs. ให้ให้การกับคณะกรรมาธิการการคลังของอังกฤษว่า บริษัทได้จัดหาเงินกู้ให้กับรัฐบาลกรีซโดยทำเป็นสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(Currency Swap) แทนสัญญาเงินกู้ ซึ่งสามารถช่วยให้รัฐบาลกรีซปกปิดตัวเลขการขาดดุลงบประมาณและการเป็นหนี้ต่างประเทศ พร้อมกันนี้ Goldman Sachs ได้ออกตราสารอนุพันธ์ทางการเงินที่สามารถประกันการผิดนัดชำระดอกเบี้ยและชำระเงินต้นได้ทีเรียกว่า ตราสารCDS.ออกขายในตลาดทางการเงิน(หากรัฐบาลกรีซผิดนัดชำระหนี้หรืออัตราดอกเบี้ยผู้ถือ CDS.ฝั่งรับประกันจะเป็นผู้รับความเสี่ยงแทนซึ่งทำให้ตราสารหนี้ของรัฐบาลกรีซอยู่ในระดับ Investment Grade. ทำให้นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่สามารถเข้าลงทุนได้     

  ในเดือนตุลาคม ปี 2009 เมื่ออำนาจเปลี่ยนขั้ว พรรคอนุรักษนิยมแพ้การเลือกตั้ง พรรคสังคมนิยมขึ้นเป็นรัฐบาลใหม่ ได้ค้นพบว่า เงินที่มีอยู่นั้นน้อยกว่าความเป็นจริงทางบัญชี และหนี้สินที่มีอยู่นั้นมหาศาลถึง สามแสนล้านยูโร ซึ่งมีขนาดสูงกว่า GDPของประเทศที่มีอยู่ประมาณ สองแสนแปดหมื่นล้านยูโร  จึงได้ตัดสินใจประกาศความจริงให้โลกรู้  จนเป็นผลให้เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินในยูโร  

  ผลที่ตามมาคือ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของกรีซ โดยพันธบัตรอายุ 2 ปีให้ผลตอบแทนสูงสุดในตลาดพันธบัตรประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ และพันธบัตรอายุ 10 ปีให้ผลตอบแทนสูงสุดในตลาดพันธบัตรประมาณ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในปี 2012 จนเจ้าหนี้ต้องยอม แฮร์คัท หนี้จำนวน หนึ่งแสนล้านยูโร สภาวะเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ปีแล้วทำให้เศรษฐกิจมีขนาดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง  ตลาดหุ้น ASE เคยมี ดัชนีสูงสุดที่เกือบ 6,000จุดก่อนปี 2008 ตกลงสู่ระดับ ต่ำกว่า 500 จุดกลางปี 2012 หมายความว่า ดัชนีลดลงกว่า 90%   

การล้มทางเศรษฐกิจครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการล้มจากวินัยทางการคลังที่มีการก่อหนี้ และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยทั้งรัฐบาลและประชาชน จนทำให้มีคนตกงานมากเป็นประวัติการณ์สูงโดยเฉลี่ยมากว่า 23% โดยเฉพาะคนอายุต่ำกว่า 25ปี ตกงานกว่า 50% และสูงสุดใน Q4 2012 ถึง 26.3% ประเทศก็ยังคงใช้จ่ายอย่างมากอยู่ไม่สามารถรัดเข็มขัดได้อย่างที่ EUและ IMF ได้ออกกฎไว้ โดยกรีซเองก็จับ เยอรมันและฝรั่งเศสเป็นตัวประกันทางเศรษฐกิจที่ยังต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินอยู่ตลอดเวลา ด้วยการขู่ว่าจะออกจากยูโรโซนซึ่งจะทำให้ไม่ต้องรับผิดชอบเงินช่วยเหลือจำนวนกว่า สองแสนห้าหมื่นล้านยูโร โดยประมาณ      

รัฐบาลประกาศขายทรัพย์สินของชาติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ การไฟฟ้า ธนาคาร รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง โรงพยาบาล  รวมถึงประกาศขาย หมู่เกาะท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่งเพื่อนำเงินมาชำระหนี้  ประชาชนต้องอยู่อย่างอดอยาก เอาสินค้าฟุ่มเฟือยที่เคยซื้อไว้มากมายออกมาขายเพื่อดำรงชีพ  ประชาชนจ่ายภาษี VAT สูงถึง 26% แต่ปัจจุบันปรับลดลงมาอยู่ที่ 24% ยกเลิกสวัสดิการที่เคยให้ทั้งหมด และยังมีแนวโน้มการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง    

Goldman sachs ได้ประโยชน์มหาศาลจากการเป็นที่ปรึกษาการทำให้ประเทศล้มลายทางเศรษฐกิจ  อันได้แก่ ค่าที่ปรึกษากว่า 300 ล้านเหรียญ กำไรจากการเก็งกำไรฝั่งการผิดชำระหนี้ ราคาตราสาร CDSที่มีมูลค่า 70-75 USD ในช่วงแรกของการออกตราสาร และสูงขึ้นไปถึง 24,000USD ตอนสิ้นสุดการชำระหนี้  หลังจากที่มีการ แฮร์คัท หนี้ครั้งใหญ่ ในเดือน มีนาคม 2012 Goldman Sachs  ก็ได้ออกตราสาร CDSชุดใหม่ ในราคา 75 USD และราคาขึ้นไปสูงสุดที่ราคาประมาณ 18,000 USD ต่อหนึ่งสัญญา การลงทุนในการล้มลายทางเศรษฐกิจนั้นสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล  

  สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประเทศกรีซ ในโมเดลนี้ได้นำมาใช้กันมากขึ้นในส่วนต่างของโลก หากเราต้องการเข้าครอบครองเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็สามารถทำได้โดยสร้างเศรษฐกิจฟองสบู่ให้ประชาชนใช้จ่ายและก่อหนี้โดยไม่ยั้งคิด ให้คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ทำให้ประเทศเป็นหนี้จากการก่อหนี้ที่ขาดวินัยทางการคลัง ตกแต่งบัญชีการเป็นหนี้ และทำให้ประเทศจัดเก็บรายได้ให้น้อยลงด้วยการลดภาษี เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ปล่อยให้ประเทศล้มละลาย จากนั้นก็เอาเงินที่ไซ่ฟ่อนออกจากระบบ จากการคอรัปชั่น และการค้าสิ่งผิดกฎหมาย เข้ามาบีบซื้อ กิจการ และทรัพยากรในประเทศในราคาถูกอาจจะลด 90%เหมือนกรีซ จากนั้นก็ขึ้นภาษีจากประชาชน เพื่อมาชำระหนี้ การทำกำไรขาขึ้นจากเศรษฐกิจฟองสบู่ และก็ทำกำไรในขาลงจากการล้มละลายทางเศรษฐกิจของประเทศ  ประวัติศาสตร์เกิดซ้ำตลอดเวลา เสียแต่ว่าปัญญาของคนในประเทศนั้นๆน้อยจนเกินกว่าจะมองเห็น   

จนในที่สุดก็จะอยู่ อย่างไร้ศักดิ์ศรี

 

T.Thammasak.

กำลังโหลดความคิดเห็น