xs
xsm
sm
md
lg

GLOW ชิงดำประมูลไอพีพี 1-2 โรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “โกลว์ พลังงาน” ชิงดำประมูลไอพีพีรอบใหม่ 1-2 โรง มั่นใจพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยองมีความได้เปรียบคู่แข่ง ยอมรับไอพีพีรอบนี้แข่งดุ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม 50 เมกะวัตต์ที่โคราชอยู่ระหว่างการเจรจาทำ PPA แต่เบรกโรงไฟฟ้าพลังลมที่ชัยภูมิ เหตุติดปัญหาเป็นพื้นที่ซับน้ำ

นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมยื่นประมูลโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) รอบใหม่ 1-2 โรง ขนาดกำลังการผลิตโรงละ 900 เมกะวัตต์ในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โดยการประมูลไอพีพีรอบนี้เชื่อว่าการแข่งขันรุนแรง อีกทั้งวิธีการประเมินผู้ได้รับคัดเลือกแตกต่างจากการประมูลไอพีพีรอบที่แล้ว นอกเหนือจากพิจารณาราคาค่าไฟแล้วยังนำราคาเสนอของรายอื่นๆ มาประกอบการพิจารณาด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจการยื่นประมูลไอพีพีรอบนี้ เนื่องจากพื้นที่ อ.ปลวกแดงเป็นพื้นที่อยู่ใกล้แนวท่อก๊าซฯ และมีสายส่งไฟฟ้า ถือเป็นพื้นที่ Green Field ที่มีความได้เปรียบคู่แข่งที่เป็นGreen Field เหมือนกัน แต่มีข้อเสียเปรียบเพราะต้องลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคใหม่หมด แต่เชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงโครงการนี้อยู่ที่การปิดความเสี่ยงด้านต้นทุนการเงินและค่าก่อสร้างที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากกว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2560 แล้วเสร็จจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2564 เป็นต้นไป

ซึ่งการยื่นประมูลไอพีพีรอบนี้บริษัทไม่ได้ปิดกั้นในการหาพันธมิตรร่วมทุน โดยอาจจะมีพาร์ตเนอร์ก่อนหรือหลังประมูลฯ ก็ได้ เพื่อลดต้นทุนหรือเพิ่มความได้เปรียบของโครงการ

นายณัฐพรรษกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมขนาด 50 เมกะวัตต์ที่จังหวัดนครราชสีมาว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการเจรจาการขายไฟฟ้า (PPA) อยู่ ยังไม่มีข้อสรุป โดยโครงการนี้บริษัทฯ จะถือหุ้น 49% ที่เหลือเป็นพันธมิตรร่วมทุน 2-3 ราย ใช้เงินลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4,500 ล้านบาท

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมที่จังหวัดชัยภูมินั้นคงต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากติดปัญหาพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าเป็นพื้นที่ซับน้ำ ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน ดังนั้นโครงการนี้จะเดินหน้าได้ภาครัฐต้องมีกฎระเบียบใหม่ออกมาสนับสนุนการใช้พื้นที่สำหรับโครงการพลังงานทดแทนก่อน

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2556 นายณัฐพรรษกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทฯ ไม่มีการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ในมือเพิ่มเติม แต่จะเป็นปีที่รับรู้รายได้เต็มปีจากการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ จากเดิมมีกำลังผลิต 2 พันเมกะวัตต์เป็น 3.5 พันเมกะวัตต์ในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการเก็คโค่ วัน ที่จะรับรู้รายได้ 11 เดือน เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 จะหยุดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 1 เดือน โครงการโรงไฟฟ้า เฟส 5 กำลังผลิต 382 เมกะวัตต์ ที่จะมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ของกำลังการผลิต จากปีก่อนที่มีปริมาณขายไฟอยู่ที่ 50% ของกำลังผลิต และรับรู้รายได้จากโครงการเอสพีพีที่ป้อนไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90เมกะวัตต์

ดังนั้น เมื่อไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้ผู้ถือหุ้นบริษัทฯ คาดหวังว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูง ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีปัญหาในการจ่ายปันผล เพราะนโยบายบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนจะลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงเหลือ 1 เท่าในปี 2558 จากปัจจุบันบริษัทฯ มี D/E อยู่ที่ 2 เท่า โดยช่วง 2 ปีนี้บริษัทฯ จะชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดปีละ 8 พันล้านบาท เพื่อให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการกู้เงินเพิ่มขึ้นหากมีโครงการลงทุนใหม่ๆ เข้ามา

ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4.16 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 3.98 พันล้านบาท ดีกว่างวดปี 2554 ทั้งปีที่บริษัทฯ มีรายได้รวม 4 .10 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 3.49 พันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น