ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เครื่องดื่มประเภทฟังก์ชันนัลดริงก์ได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย โดยพบว่าในปี 2555 ตลาดเครื่องดื่มโดยรวมซึ่งมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9.9 โดยกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุดคือชาพร้อมดื่ม เติบโตร้อยละ 36.7 รองลงมาได้แก่เครื่องดื่มเกลือแร่ เติบโตร้อยละ 20.2 น้ำอัดลมร้อยละ 12.1 กาแฟพร้อมดื่ม ร้อยละ 1.5 ขณะที่ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพถูกจับตามองว่าจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคต
ในปี 2556 ตลาดเครื่องดื่มหลายประเภทเริ่มพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างความแตกต่างเพื่อใช้เป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ โดยพบว่าตั้งแต่กลางปี 2555 ที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพถูกพัฒนาออกวางจำหน่ายจำนวนมาก รวมถึงตลาดชาพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “เพียวริคุ เฮอร์เบิลที” ด้วย
โดยในปี 2556 คาดว่าตลาดชาพร้อมดื่มจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมทั้งการพัฒนาชาสมุนไพรพร้อมดื่มออกสู่ตลาดมากขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ส่งผลให้ตลาดชาพร้อมดื่มยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง
นางสาวสุวรรณดี ไชยวรุตม์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตชาขาวพร้อมดื่มภายใต้ชื่อ “เพียวริคุ” ที่ล่าสุดได้วางจำหน่าย “เพียวริคุ เฮอร์เบิลที” (Puriku Herbal Tea) ชาขาวผสมสมุนไพรพร้อมดื่มรายแรกของเมืองไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ และเตรียมรุกตลาดอย่างหนักในต้นปีหน้า เล่าให้ฟังว่า
จากการศึกษาตลาดมานานนับปี พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยต้องการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งพัฒนาและค้นคว้าเพื่อให้ได้เครื่องดื่มสุขภาพที่ดีที่สุด โดยเน้นนำเสนอสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์สูงสุด ที่มีฤทธิ์เย็น 6 ชนิด ซึ่งได้แก่ ดอกสายน้ำผึ้ง (Honeysuckle) หล่อฮั้งก้วย (Luo Han Guo) ดอกเก๊กฮวยขาว (White Chrysanthemum) ใบหม่อน (Mulberry Leaves) ชะเอมเทศ (Licorice Root) เฉาก๊วย (Grass Jelly) มาผสมผสานอย่างลงตัวกับชาขาว ซึ่งเพียวริคุเป็นชาพร้อมดื่มเพียงชนิดเดียวในตลาดที่ใช้ชาขาว
“ในประเทศพัฒนาแล้วให้ความสำคัญต่อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเติบโตเป็นเท่าตัว ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้ทั้งความสดชื่นและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพไปพร้อมกัน บริษัทจึงมองเห็นเป็นโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มมากขึ้นในอนาคต” นางสาวสุวรรณดีกล่าว และว่า
ด้วยแนวโน้มความนิยมต่อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่จะมีขึ้นในปีหน้า ทำให้บริษัทเชื่อว่าปีหน้าจะมีผู้ประกอบการหันมาพัฒนาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพออกวางจำหน่ายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี การที่เพียวริคุ เฮอร์เบิลทีพัฒนาและออกวางจำหน่ายก่อนถือเป็นโอกาสทำให้เพียวริคุเข้าถึงผู้บริโภค และพัฒนาให้ตรงความต้องการได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมุ่งสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภคให้มากขึ้น โดยในปีหน้าบริษัทเตรียมทำกิจกรรมทางการตลาดทั้งทางอะโบฟเดอะไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ และบีโลว์เดอะไลน์ การทำกิจกรรม ณ จุดขาย การแจกชิม รวมไปถึงการทำกิจกรรมผ่านทางออนไลน์มาร์เกตติ้ง เพื่อให้สามารถสื่อสารข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ไปถึงตัวกลุ่มเป้าหมายหลักได้อย่างทั่วถึง
“เพียวริคุต้องการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องดื่มของเมืองไทย และเพียวริคุ เฮอร์เบิลทีเป็นชาพร้อมดื่มสมุนไพรชนิดแรกที่ออกวางจำหน่าย และบริษัทยังเตรียมใช้เงินกว่า 80 ล้านบาทในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ “เพียวริคุ เฮอร์เบิลที” ผ่านการทำตลาดแบบ 360 องศาทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเป็นการตอกย้ำภายใต้แนวคิด “สดชื่น ดับกระหาย คลายร้อน ในวันที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” เริ่มตั้งแต่การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ ภายใต้ชื่อชุด “วิ่ง” โดยมี “น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” เป็น Brand Influencer ออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง บิลบอร์ด สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเคเบิลทีวี สื่ออินเทอร์เน็ต เป็นต้น”
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอด 3 เดือนเต็ม โดยเริ่มจากการจัดกิจกรรมโรดโชว์เปิดตัวเพียวริคุ เฮอร์เบิลที พร้อมการแจกชิมสินค้ากว่า 300 แหล่งชุมชนทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมายจำนวนผู้บริโภคที่ได้ทดลองชิมสินค้าไม่น้อยกว่า 200,000 คนตลอดเดือนธันวาคม ตามอาคารสำนักงาน และสถานีรถไฟฟ้าในย่านสีลม สุขุมวิท และอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นต้น และในปีหน้าจะเดินหน้าจัดกิจกรรมอย่างหนักเพื่อตอกย้ำและสร้างความเป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มสมุนไพรด้วย
อย่างไรก็ดี ในปี 2556 คาดว่าตลาดชาพร้อมดื่มจะมีการเติบโตร้อยละ 20 เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีการเติบโตร้อยละ 36.7 จากมูลค่าตลาดรวม 11,500 ล้านบาท อนึ่ง จากการวิจัยพบว่าผู้บริโภคคนไทยให้การยอมรับและเลือกดื่มชาสมุนไพรเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอันดับต้นๆ โดยพบว่าผู้บริโภคที่ดื่มชาสมุนไพร ร้อยละ 60 เป็นกลุ่มผู้หญิง ขณะที่ผู้ชายมีสัดส่วนร้อยละ 40 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 31-40 ปี ร้อยละ 41 รองลงมาได้แก่ ผู้มีอายุ 21-30 ปี ร้อยละ 40, อายุ 41-50 ปี ร้อยละ 16 และอายุ 51-60 ปี ร้อยละ 3