“เรย์แบน” โฟกัสแว่นสายตา บุกหนักเอเชีย หลังพบตลาดโตกว่า 30% ขณะที่ภาพรวมตลาดแว่นตาไทยปีนี้คาดโต 5% เคที ออฟติคพร้อมลุยขยายสาขาเพิ่ม 14 สาขา มั่นใจมีรายได้ 900 ล้านบาท โต 7% ในสิ้นปี
นายสตีเฟ่น ล็อค ผู้จัดการประจำประเทศอินโดนีเซีย ประเทศไทย และเวียดนาม ของลักซ์โซติก้า กรุ๊ป ผู้นำแห่งวงการแว่นตาของโลก เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 1997 ที่ผ่านมาที่บริษัทได้เทกโอเวอร์แว่นตาเรย์แบนพร้อมปรับภาพลักษณ์และวิธีการจำหน่ายใหม่นั้น ล่าสุดปัจจุบันจากจำนวนแบรนด์แว่นตาทั้งหมดกว่า 40 แบรนด์ดังทั่วโลกที่บริหารอยู่ พบว่าเรย์แบนทำรายได้สูงสุดมากกว่า 50% ของรายได้รวมทั้งหมด หรือมีรายได้ที่ 120,000 ล้านบาท โตขึ้น 25% จากรายได้รวม 200,000 ล้านบาทที่คาดว่าจะเติบโต 15% ในสิ้นปีนี้
โดยยอดขายของเรย์แบนกว่า 30% นั้นมาจากภูมิภาคเอเชีย และมีญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่สุด รองลงมาคือจีน ที่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาต่อปีโตขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนไทยนั้นมียอดขายอยู่ในท็อป 5 ของเอเชีย และอันดับหนึ่งในเซาท์อีสต์เอเชียในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญต่อแว่นตาเรย์แบนในกลุ่มแว่นสายตามากขึ้น พร้อมโฟกัสในตลาดเอเชียเป็นหลัก ซึ่งเติบโตดีกว่าตลาดยุโรปและอเมริกา ล่าสุดจับมือกับทางเคที ออฟติค และเลนส์สายตาเอสซีลอร์ เพื่อเจาะกลุ่มผู้มีปัญหาทางสายตาและต้องการเลือกแว่นตาที่มีคุณภาพ โดยคาดว่าใน 3-5 ปีหลังจากนี้จะมียอดขายแว่นเรย์แบน แบ่งเป็น แว่นกันแดด 50% และแว่นสายตา 50% จากปัจจุบันแว่นกันแดดมีสัดส่วน 80% และแว่นสายตา 20%
นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ กรรมการผู้จัดการร้านแว่นตา เคที ออฟติค กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดแว่นตาในไทยมีมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท สิ้นปีนี้คาดโต 5% จากปกติโต 3% เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีไลฟ์สไตล์ในการสวมใส่แว่นตากันมากขึ้น และซื้อแว่นตาที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย จากกำลังซื้อที่ดีขึ้น ปีหน้าคาดว่าตลาดจะโตถึง 7% ส่วนสำคัญมาจากอานิสงส์ของตลาดรถยนต์ที่ทำให้คนซื้อแว่นใส่ขณะขับรถมากขึ้น
ในส่วนของเคที ออฟติคนั้น ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 900 ล้านบาท เติบโต 7% และมีส่วนแบ่งในตลาด 15% ปีหน้ายังมุ่งขยายอีก 14 สาขาตามคอมมูนิตีมอลล์และห้างสรรพสินค้าทั่วไป ด้วยงบลงทุน 5-6 ล้านบาทต่อสาขา หรือ 45-75 ล้านบาท พร้อมเพิ่มเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์แว่นตาในสาขาแฟลกชิปสโตร์
รวมถึงการจับมือกับทางลักซ์โซติก้า กรุ๊ป ในการเป็นคีย์แอ็กเคานต์อย่างเป็นทางการรายแรกของไทย เชื่อว่าปีหน้าบริษัทจะยังคงมีรายได้เติบโตตามเป้า จากปัจจุบันเคที ออฟติคจำหน่ายแว่นตาทั้งสิ้น 50 แบรนด์ และแบรนด์เรย์แบนถือเป็นแบรนด์หลักที่สร้างรายได้ให้สูงสุด 35%
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มเคที กรุ๊ป ยังมีกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกส่วนหนึ่งด้วย โดยขณะนี้มีทั้งโรงแรม และบ้านจัดสรรที่กำลังพัฒนา 4-5 โครงการ ที่จังหวัดนครสวรรค์ และพิษณุโลก โดยรายได้จากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นี้คิดเป็นสัดส่วนได้ 20% และเคที ออฟติค 80% เชื่อว่าในอนาคตกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะมีสัดส่วนรายได้ขยับเพิ่มขึ้น
นายสตีเฟ่น ล็อค ผู้จัดการประจำประเทศอินโดนีเซีย ประเทศไทย และเวียดนาม ของลักซ์โซติก้า กรุ๊ป ผู้นำแห่งวงการแว่นตาของโลก เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 1997 ที่ผ่านมาที่บริษัทได้เทกโอเวอร์แว่นตาเรย์แบนพร้อมปรับภาพลักษณ์และวิธีการจำหน่ายใหม่นั้น ล่าสุดปัจจุบันจากจำนวนแบรนด์แว่นตาทั้งหมดกว่า 40 แบรนด์ดังทั่วโลกที่บริหารอยู่ พบว่าเรย์แบนทำรายได้สูงสุดมากกว่า 50% ของรายได้รวมทั้งหมด หรือมีรายได้ที่ 120,000 ล้านบาท โตขึ้น 25% จากรายได้รวม 200,000 ล้านบาทที่คาดว่าจะเติบโต 15% ในสิ้นปีนี้
โดยยอดขายของเรย์แบนกว่า 30% นั้นมาจากภูมิภาคเอเชีย และมีญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่สุด รองลงมาคือจีน ที่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาต่อปีโตขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนไทยนั้นมียอดขายอยู่ในท็อป 5 ของเอเชีย และอันดับหนึ่งในเซาท์อีสต์เอเชียในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญต่อแว่นตาเรย์แบนในกลุ่มแว่นสายตามากขึ้น พร้อมโฟกัสในตลาดเอเชียเป็นหลัก ซึ่งเติบโตดีกว่าตลาดยุโรปและอเมริกา ล่าสุดจับมือกับทางเคที ออฟติค และเลนส์สายตาเอสซีลอร์ เพื่อเจาะกลุ่มผู้มีปัญหาทางสายตาและต้องการเลือกแว่นตาที่มีคุณภาพ โดยคาดว่าใน 3-5 ปีหลังจากนี้จะมียอดขายแว่นเรย์แบน แบ่งเป็น แว่นกันแดด 50% และแว่นสายตา 50% จากปัจจุบันแว่นกันแดดมีสัดส่วน 80% และแว่นสายตา 20%
นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ กรรมการผู้จัดการร้านแว่นตา เคที ออฟติค กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดแว่นตาในไทยมีมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท สิ้นปีนี้คาดโต 5% จากปกติโต 3% เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีไลฟ์สไตล์ในการสวมใส่แว่นตากันมากขึ้น และซื้อแว่นตาที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย จากกำลังซื้อที่ดีขึ้น ปีหน้าคาดว่าตลาดจะโตถึง 7% ส่วนสำคัญมาจากอานิสงส์ของตลาดรถยนต์ที่ทำให้คนซื้อแว่นใส่ขณะขับรถมากขึ้น
ในส่วนของเคที ออฟติคนั้น ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 900 ล้านบาท เติบโต 7% และมีส่วนแบ่งในตลาด 15% ปีหน้ายังมุ่งขยายอีก 14 สาขาตามคอมมูนิตีมอลล์และห้างสรรพสินค้าทั่วไป ด้วยงบลงทุน 5-6 ล้านบาทต่อสาขา หรือ 45-75 ล้านบาท พร้อมเพิ่มเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์แว่นตาในสาขาแฟลกชิปสโตร์
รวมถึงการจับมือกับทางลักซ์โซติก้า กรุ๊ป ในการเป็นคีย์แอ็กเคานต์อย่างเป็นทางการรายแรกของไทย เชื่อว่าปีหน้าบริษัทจะยังคงมีรายได้เติบโตตามเป้า จากปัจจุบันเคที ออฟติคจำหน่ายแว่นตาทั้งสิ้น 50 แบรนด์ และแบรนด์เรย์แบนถือเป็นแบรนด์หลักที่สร้างรายได้ให้สูงสุด 35%
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มเคที กรุ๊ป ยังมีกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกส่วนหนึ่งด้วย โดยขณะนี้มีทั้งโรงแรม และบ้านจัดสรรที่กำลังพัฒนา 4-5 โครงการ ที่จังหวัดนครสวรรค์ และพิษณุโลก โดยรายได้จากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นี้คิดเป็นสัดส่วนได้ 20% และเคที ออฟติค 80% เชื่อว่าในอนาคตกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะมีสัดส่วนรายได้ขยับเพิ่มขึ้น
