xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจค้าปลีกมือถือตรังแข่งเดือด งัดกลยุทธ์หั่นราคาสู้กำไรติดพื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - ธุรกิจค้าปลีกโทรศัพท์มือถือเมืองตรังผุดใหม่อย่างคึกคัก ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น จนแทบไม่ได้กำไร พร้อมยังพบพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง โดยกล้าซื้อเครื่องราคาหลายหมื่นไปใช้ด้วยความเชื่อใจในแบรนด์ยอดนิยม คาดจำหน่ายทั้งปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 20%

นายสุโธ แต้มประสิทธิ์ ผู้จัดการร้านอันดามัน โฟน ธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมรายใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ตลาดโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากมีร้านค้าเกิดใหม่เป็นจำนวนมากในทุกๆ พื้นที่ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาที่ลดต่ำลงมา จนทำให้บางเครื่อง หรือบางรุ่นมีกำไรเพียง 5-10% เท่านั้น เช่น โทรศัพท์ในรุ่นที่มีราคาไม่เกิน 3,000 บาท แม้จะมียอดขายดีมาก แต่ทางร้านกลับมีกำไรแค่เครื่องละ 100-200 บาท เช่นเดียวกับการจำหน่ายอุปกรณ์เสริมก็ยังมีกำไรค่อนข้างน้อย แม้จะดีกว่าโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากตกรุ่นได้ช้ากว่าก็ตาม

อย่างไรก็ตาม สำหรับโทรศัพท์ถือแบรนด์ยอดนิยม นับตั้งแต่ซัมซุงเป็นต้นไป จนถึงไอโฟน ซึ่งมีราคาเฉลี่ยตั้งแต่เครื่องละ 10,000-20,000 บาท ไม่ว่าสถานการณ์ตลาดโดยรวมจะเป็นเช่นไร แต่สำหรับลูกค้าที่มีฐานะก็ยังคงมาซื้อหาไปใช้กันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อสัญญาณในระบบ Wi-Fi

ทั้งนี้ ผลจากการที่ตลาดโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันกันสูง ทำให้ทางร้านต้องปรับกลยุทธ์มาจำหน่ายสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น อุปกรณ์เสริม ซิมการ์ด เติมเงินออนไลน์ หรือแตกไลน์ไปทำธุรกิจจานดาวเทียม หรือกล้องวงจรปิด เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น

ด้านนายชัยณรงค์ เลิศวชิรกุล ผู้จัดการ บริษัท ดิจิตอล โฟน แอนด์ คอมมูนิเกชั่น จำกัด หรือ “ดีแทคเซ็นเตอร์” สาขาตรัง ประมาณการว่า ในจังหวัดตรังน่าจะมีธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมรวมกว่า 300 ร้าน โดยในจำนวนนี้อยู่ในห้างโรบินสัน สาขาตรัง ประมาณ 100 ร้าน ซึ่งแม้จะมีการแข่งขันกันสูงขึ้น แต่น่าจะเป็นร้านค้ารายย่อยด้วยกันมากกว่า ส่วนทางบริษัทซึ่งมีคู่แข่งด้วยกันแค่ 4 ร้าน ยังไม่มีผลกระทบอะไร เพียงแต่กำไรในบางเครื่อง หรือบางรุ่นจะอยู่ที่ 5-10% เท่านั้น ซึ่งหนทางอยู่รอดก็คือ ต้องขายสินค้าให้ได้จำนวนมาก และแตกไลน์ไปทำธุรกิจเสริมเพิ่มขึ้น เช่น ซื้อขายโทรศัพท์มือสอง

สำหรับแนวโน้มของตลาดโทรศัพท์มือถือเริ่มเปลี่ยนไป โดยลูกค้าจะหันมาซื้อเครื่องราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป โดยเฉพาะไอโฟน หรือไอแพด ที่มียอดขายสูงถึง 80% ขณะที่แบรนด์อื่นๆ เช่น ซัมซุง หรือโนเกีย กลับมียอดขายแค่ 20% เท่านั้น เนื่องจากไอโฟนมีจุดแข็งเรื่องแบรนด์ยอดนิยม แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ลูกค้าทุกวัย ทุกระดับต่างก็มีความต้องการ ประกอบกับโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังกล่าวนั้น จะจำหน่ายในราคามาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศทุกร้าน จึงสามารถออกตัวได้ง่าย และไม่ต้องมาแข่งขันกัน พร้อมทั้งเชื่อว่า ตลอดทั้งปีนี้ ตลาดโทรศัพท์มือถือจะโตขึ้นไม่น้อยกว่า 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น