กระทรวงอุตสาหกรรมสุดปลื้มแนวโน้มลงทุนญี่ปุ่นยังทะลักเข้าไทยปี 2556 คาดมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 3.1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะคลื่นลงทุนของเอสเอ็มอีที่เริ่มทยอยใช้ไทยเป็นฐานผลิตรับเปิดเออีซีปี 2558
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังนายทาคะคาซึ อิชิอิ ผู้ว่าราชการจังหวัดโทยามา ประเทศญี่ปุ่น ขอเข้าพบเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่า นายทาคะคาซึได้หารือในโอกาสที่ได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นผู้ว่าราชการ จ.โทยามาอีกครั้งเพื่อมาสานสัมพันธ์กับไทยในแง่การค้าและการลงทุนร่วมกันให้ต่อเนื่องจากเดิม โดยเฉพาะนักลงทุนขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มจะเข้ามาลงทุนยังไทยมากขึ้นเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 ซึ่งคาดว่าปี 2556 การลงทุนญี่ปุ่นที่จะมาไทยจะมีไม่ต่ำกว่า 3.1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ได้หารือประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1. การเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ให้สามารถย้ายฐานการผลิตได้ทันหากเกิดกรณีภัยพิบัติทางธรรมชาติ และ 2. การร่วมมือต่อยอดอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ใช้ไทยเป็นประตูการค้าเชื่อมภูมิภาคเออีซี สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่สนับสนุนให้เอสเอ็มอีย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศเพื่อป้องกันการปิดกิจการ และรักษาเทคโนโลยีที่ใช้อยู่
นายทาคะคาซึกล่าวว่า ในกลุ่มจังหวัดโทยามาได้มีการจัดตั้งหน่วยงานให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อให้สามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของนักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งเอสเอ็มอีญี่ปุ่นนั้นมีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างทันสมัย โดยที่ผ่านมาได้มีการย้ายไปลงทุนยังจีนค่อนข้างมาก แต่จากนี้ไทยน่าจะเป็นประเทศเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น
สำหรับเรื่องนโยบายค่าแรง 300 บาท ยอมรับว่าจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้ใช้แรงงานจะได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว แต่ในฐานะผู้ประกอบการต้องการเห็นนโยบายดังกล่าวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้เกิดการปรับตัว เพราะการประกอบธุรกิจต้องมีการวางแผนล่วงหน้า การปรับขึ้นค่าแรงเร็วก็จะทำให้ผู้ประกอบการลำบาก
