สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ลงนามความร่วมมือด้านการลงทุนกับองค์การส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเขตคิวชู ประเทศญี่ปุ่น คาดหวังการลงทุนครั้งนี้ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างเอสเอ็มอีของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มของชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมการเกษตร เพราะคิวชูเป็นภูมิภาคที่มีความโดดเด่นด้านนี้ พร้อมเตรียมแผนจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างเอสเอ็มอีทั้งสองประเทศ
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการต่อยอดความเชื่อมโยงด้านการลงทุนให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทย ในวันนี้ (29พ.ย.2555) ทางบีโอไอ พิธีลงนามความร่วมมือด้านการลงทุน (MOU) องค์กรส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างประเทศของเขตคิวชูประเทศญี่ปุ่น (Kyushu Economy Internation :KEI) ซึ่งการร่วมลงนามในครั้งนี้ จะส่งผลให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่น เป็นการชักจูงนักลงทุนจากเขตพื้นที่คิวชูเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
สำหรับนักลงทุนคิวชู เป็นนักลงทุนในกลุ่มที่มีศักยภาพมากกลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะเป็นภูมิภาคที่โดดเด่นด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร เครื่องจักร อุปกรณ์ชิ้นส่วนโลหะ และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดเป็นอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายของบีโอไอที่ต้องการให้เข้ามาลงทุน และที่สำคัญเขตคิวชู มีฐานการผลิตด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมสำคัญ โดยมีโรงงานประกอบรถยนต์ของบริษัทโตโยต้า และนิสสัน ที่เมืองคิตะคิวชู โรงงานประกอบรถยนต์ฮอนด้า ที่เมืองโออิตะ และเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จำนวนมาก บีโอไอจึงคาดหวังในด้านความร่วมมือสำหรับเอสเอ็มอีของทั้งสองฝ่ายในการมาเป็นคู่ค้าด้านการผลิต ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจระหว่างเอสเอ็มอีไทยและเอสเอ็มอีญี่ปุ่นต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย เพราะเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยเป็นอันดับหนึ่ง หรือประมาณร้อยละ 40 ของการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามจากการที่ค่าเงินเยนเพิ่มสูงขึ้นในระยะ 2-3 ปีนี้ ทำให้การลงทุนจากญี่ปุ่นที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม มีสัดส่วนสูงขึ้นร้อยละ 60 ของการลงทุนต่างประเทศทั้งหมด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเลกทรอนิกส์ เป็นต้น