ASTVผู้จัดการรายวัน - เอสแอนด์พีขยับหนีสาขาเต็มกรุงเทพฯ ผุดบริษัทลูกลุยอาหารญ่ปุ่น นำร่องซื้อไลเซนส์ร้านไมเซนจากเครือซานโตรีเข้ามาเปิด หวังสัญญา 10 ปีเปิดรวม 20 สาขา พร้อมลุยต่อระดับไฮเอนด์เปิดตัวอีกแบรนด์ปีหน้า
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากบริษัทฯ ขยายสาขาของร้านในเครือเอสแอนด์พีได้มากถึง 430 สาขาแล้วในทุกรูปแบบ ซึ่งกระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากถึง 60% จึงทำให้การขยายตัวในตลาดกรงุเทพฯ เริ่มอิ่มตัวและลำบากมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการขยายธุรกิจด้วยแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ โดยให้ความสำคัญที่ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดที่กว้างมากและเติบโตดีเพราะธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมีมูลค่าตลาดสูงถึง 14,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง 15-20% ต่อปี
ล่าสุดจึงได้ก่อตั้งบริษัท เอสแอนด์พี อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู้ดส์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านอาหารประเภททงคัตซึแบรนด์ไมเซน จากบริษัท IZUTSU MAISEN ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งที่ญี่ปุ่นก่อตั้งเมื่อปี 2508 มียอดขายที่ญี่ปุ่น 8,191 ล้านเยนในปี 2554 ปัจจุบันมีร้านอาหาร 6 สาขา จุดคีออสก์ 45 จุด และสินค้าที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกตอีกกว่า 170 แห่ง
ทั้งนี้ บริษัทฯ รับสิทธิสัญญานาน 10 ปี ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเปิดให้ครบ 20 สาขา โดยลงทุนเองทั้งหมด จ่ายค่าไลเซนส์และรอยัลตีฟีตามที่กำหนด โดยสาขาแรกเปิดแล้วที่ตึกสีลมคอมเพล็กซ์ พื้นที่ 150 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 8-10 ล้านบาทต่อสาขา คาดหวังยอดขาย 35 ล้านบาทต่อสาขาต่อปี ซึ่งร้าน Maisen ให้บริการอาหารญี่ปุ่นประเภทของทอด แซนด์วิชหมูทอด และอาหารกล่องประเภทต่างๆ
รูปแบบการขยายสาขาของร้านไมเซนมี 3 แบบ คือ การเปิดร้านมาตรฐาน การเปิดเป็นคีออสก์ และการวางจำหน่ายสินค้าตามร้านเอสแอนด์พีและซูเปอร์มาร์เกตเช่นเดียวกับญี่ปุ่น โดยคาดว่าสิ้นปีหน้าจะมีสาขาเพิ่มเป็น 4 สาขา เช่น เซ็นทรัลเอมบาสซี สยามสแควร์ เซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจากับร้านอาหารญี่ปุ่นอีกแบรนด์หนึ่งซึ่งเป็นร้านระดับไฮเอนด์ คาดว่าจะสรุปได้ในปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากร้านอาหารญี่ปุ่นประมาณ 10% จากรายได้รวมของเอสแอนด์พีภายในช่วง 10 ปีจากนี้
นายประเวศวุฒิกล่าวต่อว่า ขณะที่ภาพรวมการลงทุนของเอสแอนด์พีในปีหน้านั้นตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบประมาณเปิดสาขาใหม่ที่เน้นหนักเปิดในต่างจังหวัด เป็นร้านขนาดใหญ่ 10 สาขา และอีก 40 จุดขาย ใช้งบการตลาด 3% จากยอดขาย โดยผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมามีการเติบโต 12% และคาดว่าทั้งปีนี้รายได้รวมจะเติบโต 15%