วาย.ยู.ดี.เท็กซ์ไทล์ ลดความเสี่ยงธุรกิจสิ่งทอส่งออกติดลบ จ่อทุ่ม 60 ล้านบาทผุดโรงงานในพม่า หวังค่าแรงถูก ลดต้นทุนผลิต 24% เดินหน้าเบนเข็มลุยธุรกิจซอสปรุงรส ชูกลยุทธ์บลูโอเชียน สร้างเซกเมนต์ซอสหมัก ปั้นแบรนด์ไอย์เซ่ เจาะแม่บ้านยุคใหม่ ปีแรกกวาด 60 ล้านบาท ลั่น 1-2 ปี สยายปีกบุกอาเซียนรับเออีซี
นายอำพล รวยฟูพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มหาชัยอาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซอสและน้ำจิ้มไก่แบรนด์ซัน คิทเซ่นส์ เปิดเผยว่า จากการที่บริษัท วาย.ยู.ดี. เท็กซ์ไทล์ ดำเนินธุรกิจสิ่งทอมาร่วม 30 ปี ในลักษณะการรับจ้างผลิตให้กับต่างประเทศและภายในประเทศ โดยมีรายได้ร่วม 1,000 ล้านบาท
แต่จากปัจจัยลบอัตราแลกเปลี่ยนที่ผกผัน ค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น 300 บาท เมื่อเทียบกับจีนต้นทุนการผลิตถูกกว่า ส่งผลให้บริษัทลดกำลังการผลิตและจำนวนแรงงานจาก 1,000 คนเป็นเหลือ 600 คนเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งล่าสุดบริษัทเตรียมทุ่มงบ 60 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ที่ ประเทศพม่า คาดว่า 3-5 ปี มีแรงงานทั้งหมด 1,000 คน เนื่องจากมีค่าแรงถูกกว่า 4 เท่าตัว ช่วยลดต้นทุนการผลิต 24%
“ธุรกิจส่งออกสิ่งทอของประเทศไทย ติดลบต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ซึ่งการทำธุรกิจของบริษัทจะเป็นโออีเอ็มหรือรับจ้างผลิตทั้งหมด เราจึงคิดที่จะทำธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพให้เติบโตอีกมาก จึงได้จัดตั้งบริษัทมหาชัยอาหารไทยขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจซอสปรุงอาหาร”
ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนแตกไลน์ธุรกิจซอสปรุงอาหาร ภายใต้การลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างโรงงานขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจซอสปรุงอาหารภายใต้แบรนด์ ซัน คิทเซ่นส์ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนกรุงเทพ และครัวตะวัน เจาะตลาดต่างจังหวัด และล่าสุดบริษัทรุกตลาดสร้างเซกเมนต์ใหม่ “ซอสหมักอาหาร” ภายใต้แบรนด์ไอย์เซ่ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาด
จากปกติพฤติกรรมการหมักเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคจะใช้ซอส และเครื่องปรุงอื่นๆ บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด ขณะที่การทำตลาดซอสปรุงอาหารมูลค่า 600 ล้านบาท สภาพตลาดอิ่มตัว และผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง แต่ละเซกเมนต์มีผู้นำตลาดอยู่แล้ว แบรนด์ใหม่เข้าไปทำตลาดได้ยากมาก
ทั้งนี้ บริษัทได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดไอย์เซ่ ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงคุณสมบัติของสินค้า เจาะกลุ่มเป้าหมายแม่บ้านและพ่อบ้านยุคที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบในชีวิตประจำวัน จำหน่ายราคา 40-45 บาท ในช่องทางซูเปอร์มาร์เกต นำร่อง 2 รสชาติ คือ ซอสหมักเทริยากิ กับซอสรสออริจินัล กระเทียมพริกไทย โดยวางแผนเปิดตัวรสชาติใหม่ 1-2 รสชาติ และออกขนาดใหญ่ 1 กก. เจาะกลุ่มร้านอาหารและอุตสาหกรรมในปีหน้านี้ นอกจากนี้บริษัทเตรียมส่งออกสินค้าในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย อีก 1-2 ปีข้างหน้านี้
นายอำพลกล่าวว่า ในอนาคตบริษัทสนใจแตกไลน์อาหารพร้อมปรุง สำหรับผลประกอบการปีนี้กลุ่มสิ่งทอตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท และซอสปรุงอาหาร 2 แบรนด์ ได้แก่ ซัน คิทเซ่นส์ และครัวตะวัน 40-50 ล้านบาท ส่วนแบรนด์ใหม่ไอย์เซ่ มียอดขาย 60 ล้านบาทในปีแรก หรือคิดเป็น 10% จากมูลค่าตลาดซอสปรุงรส 600 ล้านบาท โดยยอดขายจะมาจากกลุ่มผู้บริโภคที่เคยใช้เครื่องปรุงรสอื่นๆ มาใช้ซอสหมักหมู
นายอำพล รวยฟูพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มหาชัยอาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซอสและน้ำจิ้มไก่แบรนด์ซัน คิทเซ่นส์ เปิดเผยว่า จากการที่บริษัท วาย.ยู.ดี. เท็กซ์ไทล์ ดำเนินธุรกิจสิ่งทอมาร่วม 30 ปี ในลักษณะการรับจ้างผลิตให้กับต่างประเทศและภายในประเทศ โดยมีรายได้ร่วม 1,000 ล้านบาท
แต่จากปัจจัยลบอัตราแลกเปลี่ยนที่ผกผัน ค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น 300 บาท เมื่อเทียบกับจีนต้นทุนการผลิตถูกกว่า ส่งผลให้บริษัทลดกำลังการผลิตและจำนวนแรงงานจาก 1,000 คนเป็นเหลือ 600 คนเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งล่าสุดบริษัทเตรียมทุ่มงบ 60 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ที่ ประเทศพม่า คาดว่า 3-5 ปี มีแรงงานทั้งหมด 1,000 คน เนื่องจากมีค่าแรงถูกกว่า 4 เท่าตัว ช่วยลดต้นทุนการผลิต 24%
“ธุรกิจส่งออกสิ่งทอของประเทศไทย ติดลบต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ซึ่งการทำธุรกิจของบริษัทจะเป็นโออีเอ็มหรือรับจ้างผลิตทั้งหมด เราจึงคิดที่จะทำธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพให้เติบโตอีกมาก จึงได้จัดตั้งบริษัทมหาชัยอาหารไทยขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจซอสปรุงอาหาร”
ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนแตกไลน์ธุรกิจซอสปรุงอาหาร ภายใต้การลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างโรงงานขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจซอสปรุงอาหารภายใต้แบรนด์ ซัน คิทเซ่นส์ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนกรุงเทพ และครัวตะวัน เจาะตลาดต่างจังหวัด และล่าสุดบริษัทรุกตลาดสร้างเซกเมนต์ใหม่ “ซอสหมักอาหาร” ภายใต้แบรนด์ไอย์เซ่ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาด
จากปกติพฤติกรรมการหมักเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคจะใช้ซอส และเครื่องปรุงอื่นๆ บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด ขณะที่การทำตลาดซอสปรุงอาหารมูลค่า 600 ล้านบาท สภาพตลาดอิ่มตัว และผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง แต่ละเซกเมนต์มีผู้นำตลาดอยู่แล้ว แบรนด์ใหม่เข้าไปทำตลาดได้ยากมาก
ทั้งนี้ บริษัทได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดไอย์เซ่ ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงคุณสมบัติของสินค้า เจาะกลุ่มเป้าหมายแม่บ้านและพ่อบ้านยุคที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบในชีวิตประจำวัน จำหน่ายราคา 40-45 บาท ในช่องทางซูเปอร์มาร์เกต นำร่อง 2 รสชาติ คือ ซอสหมักเทริยากิ กับซอสรสออริจินัล กระเทียมพริกไทย โดยวางแผนเปิดตัวรสชาติใหม่ 1-2 รสชาติ และออกขนาดใหญ่ 1 กก. เจาะกลุ่มร้านอาหารและอุตสาหกรรมในปีหน้านี้ นอกจากนี้บริษัทเตรียมส่งออกสินค้าในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย อีก 1-2 ปีข้างหน้านี้
นายอำพลกล่าวว่า ในอนาคตบริษัทสนใจแตกไลน์อาหารพร้อมปรุง สำหรับผลประกอบการปีนี้กลุ่มสิ่งทอตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท และซอสปรุงอาหาร 2 แบรนด์ ได้แก่ ซัน คิทเซ่นส์ และครัวตะวัน 40-50 ล้านบาท ส่วนแบรนด์ใหม่ไอย์เซ่ มียอดขาย 60 ล้านบาทในปีแรก หรือคิดเป็น 10% จากมูลค่าตลาดซอสปรุงรส 600 ล้านบาท โดยยอดขายจะมาจากกลุ่มผู้บริโภคที่เคยใช้เครื่องปรุงรสอื่นๆ มาใช้ซอสหมักหมู