ทอท.เผยช่วงฤดูท่องเที่ยวปีนี้ผู้โดยสารพุ่งถึง 23 ล้านคน หรือวันละ 1.5 แสนคน แต่จะไม่แออัดเหตุกลุ่มแอร์เอเชียย้ายไปดอนเมือง โดยคาดทั้งปีมีผู้โดยสารรวม 44.5 ล้านคน ต่ำกว่าขีดความสามารถรองรับที่ 45 ล้านคนต่อปี พร้อมเดินหน้าปรับปรุงบริการ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งเป้าดันติด 1 ใน 5สนามบินดีที่สุดในโลก ด้าน AOC แนะรับมือผู้โดยสารเพิ่ม และเครื่องบินที่ขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนการบินไทยวอนเร่งแก้ปัญหานกกระทบการขึ้นลง ขอเพิ่มพื้นที่สำหรับพนักงาน
วันนี้ (29 ต.ค.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ก้าวต่อไปสู่ทศวรรษหน้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” โดยมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน เช่น กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร คณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน และสายการบินเข้าร่วม
นายสมชัย สวัสดีผล รักษาการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ก้าวต่อไปสู่ทศวรรษหน้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” วันนี้ (29 ต.ค.) ว่า เป็นการรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงฤดูหนาว (28 ต.ค. 55-30 มี.ค. 56) และการขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับปริมาณจราจรทางอากาศใน 5 ปี และ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งการย้ายกลุ่มสายการบินแอร์เอเชียไปให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองทำให้สุวรรณภูมิมีเที่ยวบินลดลงกว่า 134 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารลดลง 20,000 คนต่อวัน หรือ 8 ล้านคนต่อปี สุวรรณภูมิคล่องตัวมากขึ้น และในปี 2556 คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 44.5 ล้านคน เที่ยวบินสูงสุด 804 เที่ยวบินต่อวัน หรือ 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกว่า 1,000 เที่ยวบินต่อวัน 20% ส่วนช่วง High Season คาดมีผู้โดยสาร 23 ล้านคน เฉลี่ย 1.5 แสนคนต่อวัน
ทั้งนี้ มั่นใจว่าปี 2556 จะไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกของท่าอากาศยานดีที่สุดประเภทที่มีผู้โดยสารเกิน 40 ล้านคน ซึ่งจะมีการเร่งปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Wi-Fi) ให้มีสปีดสูงขึ้นและให้ผู้โดยสารใช้ฟรี 1 ชม.,เพิ่มห้องน้ำอีก 20 ห้องพร้อมป้ายบอกทางที่ชัดเจน ใช้งบประมาณ 30-40 ล้านบาท และการเพิ่มช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Channel) สำหรับคนไทยอีก 16 ชุด เพิ่มเจ้าหน้าที่อีก 225 คน และเพิ่มช่องอาเซียนเลน
ส่วนการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ตามแผนจะแล้วเสร็จปี 2560 รองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี โดยประเมินว่าปีนี้จะมีผู้โดยสารประมาณ 51 ล้านคน ยังไม่เต็มขีดความสามารถและมีช่องว่างให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัวขึ้น
นายสมชัยกล่าวว่า หลักการต้องบริหารการใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิควบคู่กับท่าอากาศยานดอนเมือง โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะรองรับสายการบินที่ให้บริการเส้นทางบินระยะไกล เส้นทางบินในภูมิภาคที่มีความหนาแน่น เช่น ฮ่องกง โตเกียว ฯลฯ ส่วนเส้นทางในประเทศจะเน้นไปที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองจะรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) แบบจุดต่อจุด สายการบินเช่าเหมาลำ และ Private Jet เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้การพัฒนาขีดความสามารถสุวรรณภูมิเพียงพอและรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นได้เหมาะสม และไม่มีปัญหาแออัดเหมือนที่ผ่านมา
ด้านนางมาริสา พงษ์พัฒนพันธุ์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) กล่าวว่า ช่วง High Season นอกจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นแล้ว เครื่องบินมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ดังนั้นจะต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่องความสะดวกของผู้โดยสารและสายการบิน โดยหัวใจของสนามบินมีทั้งหลุมจอด ระบบสายพานลำเลียง การเช็กอิน รันเวย์ ซึ่งขณะนี้ ทอท.มีการประสานกับสายการบินมากขึ้น คาดว่าจะไม่เกิดปัญหาเหมือนการซ่อมรันเวย์ที่ผ่านมา รวมถึงจะต้องบริหารจัดการเพื่อลดความแออัดและการรอคิวในขั้นตอนต่างๆ เช่น ตม., การคืนภาษีของนักท่องเที่ยว, ช่องทางพิเศษสำหรับทีมแพทย์ เป็นต้น
ขณะที่ นายดนุช บุนนาค กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจการบริการภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องการให้ ทอท.เร่งแก้ปัญหาจำนวนนกที่มีผลกระทบต่อการขึ้น-ลงของเครื่องบิน เนื่องจากช่วงนี้จะมีนกเข้ามาอยู่ในบริเวณสนามบินเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และกระทบต่อค่าใช้จ่ายของสายการบิน นอกจากนี้ ต้องการให้เพิ่มพื้นที่และร้านอาหารสำหรับพนักงานที่จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของพนักงานการบินไทยและพนักงาน outsource
