ไอ.ซี.ซี.ฯ บุกหนักตลาดพม่า ร่วมทุนกลุ่มเอ็มเคแฟชั่นผุดโรงงานผลิตชุดชั้นในชาย พร้อมส่งกลับเป็นไฟติ้งแบรนด์ในไทยด้วย จ่อดึงพันธมิตรลงทุนในพม่าเพิ่ม เล็งดึงมิตซูโนร่วมผลิตที่พม่าด้วย พร้อมชูไทยฮับมิตซูโนอาเซียน
นายชัยเลิศ มนูญผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แชมป์เอช และผู้อำนวยการฝ่าย เอส (S) บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล ในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทเอ็มเคแฟชั่น ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่่นของพม่า ตั้งบริษัทร่วมทุน มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อตั้งโรงงานในพม่าทำการผลิตชุดชั้นในชายแบรนด์ “อาร์ซี” (RC) กำลังการผลิต 1 แสนตัวต่อเดือน เพื่อจำหน่ายในพม่าและส่วนหนึ่่งส่งกลับเข้ามาที่เมืองไทยเพื่อขายในลักษณะเป็นไฟติ้งแบรนด์
นอกจากนั้น โรงงานในเครือสหพัฒน์เองก็มีแผนที่จะลงทุนด้านโรงงานเพิ่มในพม่าอีกด้วย ตามแผนการเปิดสวนอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของเครือสหพัฒน์ในพม่า ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม คาดว่าต้องใช้เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558
“สินค้าแบรนด์ที่ ไอ.ซี.ซี.ฯ ผลิตและจัดจำหน่ายให้ในประเทศไทยนั้น เราได้เริ่มมีการพูดคุยกันกับทางพันธมิตรแล้ว ซึ่งเขาก็มีความสนใจที่จะขยายการลงทุนในไทยเพิ่มด้วย และที่สวนอุตสาหกรรมที่พม่าด้วยเช่นเดียวกัน เช่น เครื่องกีฬาแบรนด์มิซูโน เป็นต้น” นายชัยเลิศกล่าว
สำหรับแบรนด์มิซูโนนี้ บริษัทฯ ได้เป็นผูู้ผลิตและจัดจำหน่ายในไทยมานานกว่า 30 ปี โดยผลิตทั้งเสื้อผ้าสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทร่วมทุนที่ผลิตชุดนักกีฬาเบสบอลส่งออกไปจำหน่ายในยุโรปและอเมริกา ซึ่งในอนาคตหากมีการขยายโรงงานเพิ่่ม มิตซูโนก็พร้อมที่จะลงทุนเพิ่มด้วยเช่นกัน ล่าสุดก็ได้ขยายไลน์การผลิตชุดว่ายน้ำเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และแคนาดาแล้ว
ส่วนยอดขายของแบรนด์มิตซูโนปีนี้มีการเติบโต 38% สำหรับกลุ่มอุปกรณ์กอล์ฟที่เป็นรายได้หลักเติบโต 20% เสื้อผ้าเติบโต 30% ส่วนรองเท้าวิ่งเติบโต 40-50% เหตุที่เติบโตดีเพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการออกกำลังกายมากขึ้น และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้า ทำให้สินคัาเกี่ยวกับการออกกำลังกายเติบโตตามไปด้วย โดยบริษัทฯ จะลงทุนเปิดสาขาใหม่อีก 5 แห่ง จากปัจจุบันมี 10 สาขา และ 60 จุดขาย
นายชัยเลิศกล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีแผนทำตลาดเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน ซึ่งบริษัทแม่ของมิตซูโน ประเทศญี่ปุ่น เห็นศักยภาพของตลาดประเทศไทยที่สามารถเป็นฮับของภูมิภาคนี้ได้ โดยจะให้จัดงานแสดงสินค้ามิตซูโนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และเชิญูคู่ค้าจากประเทศอาเซียนมาร่วมงานด้วยเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น
นายชัยเลิศ มนูญผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แชมป์เอช และผู้อำนวยการฝ่าย เอส (S) บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล ในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทเอ็มเคแฟชั่น ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่่นของพม่า ตั้งบริษัทร่วมทุน มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อตั้งโรงงานในพม่าทำการผลิตชุดชั้นในชายแบรนด์ “อาร์ซี” (RC) กำลังการผลิต 1 แสนตัวต่อเดือน เพื่อจำหน่ายในพม่าและส่วนหนึ่่งส่งกลับเข้ามาที่เมืองไทยเพื่อขายในลักษณะเป็นไฟติ้งแบรนด์
นอกจากนั้น โรงงานในเครือสหพัฒน์เองก็มีแผนที่จะลงทุนด้านโรงงานเพิ่มในพม่าอีกด้วย ตามแผนการเปิดสวนอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของเครือสหพัฒน์ในพม่า ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม คาดว่าต้องใช้เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558
“สินค้าแบรนด์ที่ ไอ.ซี.ซี.ฯ ผลิตและจัดจำหน่ายให้ในประเทศไทยนั้น เราได้เริ่มมีการพูดคุยกันกับทางพันธมิตรแล้ว ซึ่งเขาก็มีความสนใจที่จะขยายการลงทุนในไทยเพิ่มด้วย และที่สวนอุตสาหกรรมที่พม่าด้วยเช่นเดียวกัน เช่น เครื่องกีฬาแบรนด์มิซูโน เป็นต้น” นายชัยเลิศกล่าว
สำหรับแบรนด์มิซูโนนี้ บริษัทฯ ได้เป็นผูู้ผลิตและจัดจำหน่ายในไทยมานานกว่า 30 ปี โดยผลิตทั้งเสื้อผ้าสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทร่วมทุนที่ผลิตชุดนักกีฬาเบสบอลส่งออกไปจำหน่ายในยุโรปและอเมริกา ซึ่งในอนาคตหากมีการขยายโรงงานเพิ่่ม มิตซูโนก็พร้อมที่จะลงทุนเพิ่มด้วยเช่นกัน ล่าสุดก็ได้ขยายไลน์การผลิตชุดว่ายน้ำเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และแคนาดาแล้ว
ส่วนยอดขายของแบรนด์มิตซูโนปีนี้มีการเติบโต 38% สำหรับกลุ่มอุปกรณ์กอล์ฟที่เป็นรายได้หลักเติบโต 20% เสื้อผ้าเติบโต 30% ส่วนรองเท้าวิ่งเติบโต 40-50% เหตุที่เติบโตดีเพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการออกกำลังกายมากขึ้น และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้า ทำให้สินคัาเกี่ยวกับการออกกำลังกายเติบโตตามไปด้วย โดยบริษัทฯ จะลงทุนเปิดสาขาใหม่อีก 5 แห่ง จากปัจจุบันมี 10 สาขา และ 60 จุดขาย
นายชัยเลิศกล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีแผนทำตลาดเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน ซึ่งบริษัทแม่ของมิตซูโน ประเทศญี่ปุ่น เห็นศักยภาพของตลาดประเทศไทยที่สามารถเป็นฮับของภูมิภาคนี้ได้ โดยจะให้จัดงานแสดงสินค้ามิตซูโนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และเชิญูคู่ค้าจากประเทศอาเซียนมาร่วมงานด้วยเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น
