นายเชิงชาย ภูววีรานนท์ ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า บริษัท เดอะมฮลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกีฬาในกลุ่มโมเดิร์นเทรดมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทนั้น ปีนี้มองว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% ส่วนสำคัญมาจาก 3 อีเว้นท์ใหญ่ คือ ฟุตบอลยูโร โอลิมปิค และฟุตซอลที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปี ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีกระแสกัฬาได้ส่งให้ภาพรวมการเติบโตของตลาดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของกลุ่มเดอะมอลล์นั้น พบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกแผนกสปอร์ต มอลล์ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 16% แล้ว มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ หรือจะต้องมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท เติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี จากปีก่อนทำได้ 2,000 ล้านบาท เติบโตราว 10%
โดยในปีนี้บริษัทเตรียมงบการตลาดและปรับปรุงพื้นที่รวมไว้กว่า 100 ล้านบาท สำหรับกลุ่มแผนกสปอร์ตมอลล์ โดยในส่วนการรีโนเวตพื้นที่นั้น มีทั้ง เดอะมอลล์ บางกะปิ , งามวงศ์วาน และบางแค ส่วนในแง่ของงบการตลาดนั้น ปีนี้จะมีแคมเปญใหญ่ในกลุ่มสปอร์ตมอลล์รวม 4 รายการ ตลอดทั้งปี ซึ่ง 3 อีเว้นท์ใหญ่นั้นจะทำในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ยังมีอีก 2 แคมเปญใหญ่ของกีฬากอล์ฟด้วย ซึ่งเบื้องต้น วางงบการตลาดไว้ที่ 10 ล้านบาท ล่าสุดใช้งบราว 10 ล้านบาท สำหรับจัดแคมเปญ “Sports Mall Euro 2012” ตั้งแต่วันนี้ – 1ก.ค.นี้ กับทัพสินค้าคอลเลกชั่นฟุตบอลยูโร 2012 ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และแอคเซสเซอรี่มาให้เลือกใช้
“อย่างไรก็ตาม จากกระแสเหตุการณ์ทางการเมืองที่ส่อเคล้าอยู่ในปัจจุบันนั้น ทางบริษัทได้มีการปรับตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตไว้แล้ว โดยการจัดแคมเปญต่างๆหลังจากนี้ อาจจะต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆก่อน พร้อมกับใช้งบอย่างระมัดระวัง รวมถึงอาจจะต้องมีการปรับลดงบประมาณทางการตลาดลงมาด้วย”
ด้านนายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า สปอร์ต มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า เฉพาะช่วงครึ่งปีหลังนี้ หากสถานการณ์ต่างๆยังปกติอยู่ มองว่า 3 บิ๊กอีเว้นท์ทางด้านกีฬา จะส่งผลให้ตลาดรวมกีฬาเติบโตได้มากกว่า 30% เช่นเดียวกับทางกลุ่มเดอะมอลล์ที่มองว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ด้วย โดยกลุ่มสินค้ากีฬาที่มีอัตราการเติบโตมากสุด คือ กลุ่ม รองเท้าและ เสื้อผ้า ที่เติบโตขึ้นกว่า 50% เนื่องจากปัจจุบันมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยพบว่าปัจจุบันกลุ่มรองเท้าวิ่ง บางรายมีการซื้อถึง 4-5 คู่ต่อปี สำหรับวาระต่างๆ อีกทั้งได้กระแสกีฬาเข้ามาทำให้ยอดขายเติบโตสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยต่อการซื้อเพิ่มเป็น 2,000 บาทต่อครั้งต่อบิล จากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,800 บาท โดยยังพบอีกว่า มีความถี่ในการซื้อซ้ำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งราคาของสินค้ามีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเพียง 5% เท่านั้น
ในส่วนของแผนกสปอร์ต มอลล์ พบว่า ยอดขายหลักกว่า 50% มาจากรองเท้า และเสื้อผ้า รองลงมา คือ กลุ่มอุปกรณ์กีฬากอล์ฟ 20% แคมปิ้ง 10% ออกกำลังกาย 10% และเรกเก็ตอีก 10%
โดยในปีนี้บริษัทเตรียมงบการตลาดและปรับปรุงพื้นที่รวมไว้กว่า 100 ล้านบาท สำหรับกลุ่มแผนกสปอร์ตมอลล์ โดยในส่วนการรีโนเวตพื้นที่นั้น มีทั้ง เดอะมอลล์ บางกะปิ , งามวงศ์วาน และบางแค ส่วนในแง่ของงบการตลาดนั้น ปีนี้จะมีแคมเปญใหญ่ในกลุ่มสปอร์ตมอลล์รวม 4 รายการ ตลอดทั้งปี ซึ่ง 3 อีเว้นท์ใหญ่นั้นจะทำในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ยังมีอีก 2 แคมเปญใหญ่ของกีฬากอล์ฟด้วย ซึ่งเบื้องต้น วางงบการตลาดไว้ที่ 10 ล้านบาท ล่าสุดใช้งบราว 10 ล้านบาท สำหรับจัดแคมเปญ “Sports Mall Euro 2012” ตั้งแต่วันนี้ – 1ก.ค.นี้ กับทัพสินค้าคอลเลกชั่นฟุตบอลยูโร 2012 ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และแอคเซสเซอรี่มาให้เลือกใช้
“อย่างไรก็ตาม จากกระแสเหตุการณ์ทางการเมืองที่ส่อเคล้าอยู่ในปัจจุบันนั้น ทางบริษัทได้มีการปรับตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตไว้แล้ว โดยการจัดแคมเปญต่างๆหลังจากนี้ อาจจะต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆก่อน พร้อมกับใช้งบอย่างระมัดระวัง รวมถึงอาจจะต้องมีการปรับลดงบประมาณทางการตลาดลงมาด้วย”
ด้านนายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า สปอร์ต มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า เฉพาะช่วงครึ่งปีหลังนี้ หากสถานการณ์ต่างๆยังปกติอยู่ มองว่า 3 บิ๊กอีเว้นท์ทางด้านกีฬา จะส่งผลให้ตลาดรวมกีฬาเติบโตได้มากกว่า 30% เช่นเดียวกับทางกลุ่มเดอะมอลล์ที่มองว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ด้วย โดยกลุ่มสินค้ากีฬาที่มีอัตราการเติบโตมากสุด คือ กลุ่ม รองเท้าและ เสื้อผ้า ที่เติบโตขึ้นกว่า 50% เนื่องจากปัจจุบันมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยพบว่าปัจจุบันกลุ่มรองเท้าวิ่ง บางรายมีการซื้อถึง 4-5 คู่ต่อปี สำหรับวาระต่างๆ อีกทั้งได้กระแสกีฬาเข้ามาทำให้ยอดขายเติบโตสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยต่อการซื้อเพิ่มเป็น 2,000 บาทต่อครั้งต่อบิล จากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,800 บาท โดยยังพบอีกว่า มีความถี่ในการซื้อซ้ำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งราคาของสินค้ามีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเพียง 5% เท่านั้น
ในส่วนของแผนกสปอร์ต มอลล์ พบว่า ยอดขายหลักกว่า 50% มาจากรองเท้า และเสื้อผ้า รองลงมา คือ กลุ่มอุปกรณ์กีฬากอล์ฟ 20% แคมปิ้ง 10% ออกกำลังกาย 10% และเรกเก็ตอีก 10%