กินเจปีนี้อ่วม! ผักแพงขึ้น 2-3 เท่า ราคาดีดสูงสุดในรอบหลายปี คะน้ากิโลกรัมละ 80 บาท ผักบุ้ง 50 บาท ผักกาดหอม 120 บาท ต้นหอม 120 บาท ผักชี 200 บาท ส่งผลให้ราคาอาหารเจส่อพุ่งตาม ล่าสุดพ่อค้าแม่ค้าขึ้นป้ายขอปรับราคาเพิ่มเมนูละ 5-15 บาท ด้าน สศก. ยอมรับพายุแกมีทำพื้นที่ปลูกผักเสียหายกว่า 1.89 หมื่นไร่ “พาณิชย์” แก้เกมเชื่อมโยงผักราคาถูกขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้ทำการสำรวจแนวโน้มราคาผักสดก่อนช่วงเทศกาลกินเจ พบว่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่จนทำให้ผลผลิตออกมาน้อยกว่าความต้องการ ขณะที่ต้นทุนการขนส่งก็ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เทศกาลกินเจปีนี้ราคาผักจะแพงที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะผักใบที่นิยมบริโภคและนำไปประกอบอาหารหลายชนิด เช่น ผักคะน้า ผักบุ้งจีน ผักกวางตุ้ง ผักชี มีแนวโน้มราคาจะปรับเพิ่มขึ้นกว่าปกติ 2-3 เท่าตัว
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาผักสดพบว่า ผักคะน้าปรับขึ้นจากปกติ กก.ละ 20-25 บาท เป็นกก.ละ 80-85 บาท ผักบุ้งจีนปรับเพิ่มจาก กก.ละ 20-25 บาท เป็น 45-50 บาท ผักกวางตุ้งจาก กก.ละ 20-25 บาท เป็น 40-50 บาท ผักกาดขาวปลีเพิ่มจาก กก.ละ 20 บาท เป็น 30-40 บาท ผักชีเพิ่มจาก กก.ละ 100 บาท เป็น 190-200 บาท ต้นหอมเพิ่มจาก กก.ละ 50-70 บาท เป็น 110-120 บาท กะหล่ำดอกเพิ่มจาก กก.ละ 25-35 บาท เป็น 65-70 บาท และผักกาดหอมจาก กก.ละ 25-45 บาท เป็น 100-120 บาท
ส่วนราคาเนื้อสัตว์ยังทรงตัว โดยราคาเนื้อหมูเฉลี่ย กก.ละ 98-110 บาท เพราะพื้นที่การเลี้ยงไม่ถูกน้ำท่วม ประกอบกับหมูกินอาหารมากเติบโตไว และใกล้ถึงเทศกาลกินเจจะมีความต้องการบริโภคเนื้อหมูลดลง ส่วนไข่ไก่ปรับราคาขึ้นเล็กน้อย หลังจากมีการปลดระวางแม่ไก่ทำให้ผลผลิตลดลง โดยราคาไข่เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 2.75-2.90 บาท
ผลจากราคาผักสดที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น ได้ส่งผลให้ราคาอาหารตามสั่ง และอาหารเจที่ใช้ผักสดในการประกอบอาหารมีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยร้านอาหารในตลาดสด ร้านอาหารปรุงสำเร็จ และร้านข้าวแกงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น ดอนเมือง ปทุมธานี นนทบุรี รังสิต สะพานใหม่ ได้เริ่มมีการแจ้งลูกค้าว่าจะเปลี่ยนการขายอาหารจากเมนูเนื้อสัตว์เป็นอาหารเจแทน และขอปรับเพิ่มราคาขึ้นจากเมนูปกติอีก 5-15 บาท โดยหากอาหารตามสั่งเดิมเมนูละ 30-35 บาท ก็จะปรับเพิ่มเป็น 35-50 บาท รวมถึงแกงบรรจุถุงก็จะมีการปรับราคาในลักษณะดังกล่าวด้วย
โดยพ่อค้าแม่ค้าให้เหตุผลว่า ต้นทุนประกอบอาหารเจปีนี้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาผักสดเพิ่มจากปกติ 2-3 เท่า ซึ่งแพงขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนเริ่มเทศกาลกินเจแล้ว 2 สัปดาห์ ส่วนเครื่องปรุงรส และส่วนประกอบอาหารต่างๆ ก็ยังแพงกว่าอาหารทั่วไป เช่น ซีอิ๊วขาวแพงกว่าน้ำปลา รวมถึงเครื่องปรุงอื่นๆ ทั้งเต้าหู้ โปรตีนเกษตรก็มีราคาสูง ทำให้ต้องปรับราคาอาหารสำเร็จรูปเพิ่มตาม แต่ยืนยันว่าจะขึ้นราคาในระยะสั้นเฉพาะช่วงกินเจเท่านั้น และหลังจากนั้นจะลดเหลือเท่าเดิม
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า จากอิทธิพลพายุแกมี และเกิดฝนตกหนักมาตลอดเป็นระยะเวลาหลายวันเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรกรรม ทั้งในส่วนของข้าวและพืชผักโดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม และราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกผักสวนครัวขนาดใหญ่ของประเทศ โดยพบว่ามีพื้นที่เสียหายรวม 18,900 ไร่ ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ตลาดสินค้าพืชผลทางการเกษตรประสบกับปัญหาขาดแคลนได้ และมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 15 ต.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในได้เตรียมแผนแก้ปัญหาผักมีราคาแพง โดยจะจัดโครงการผักสดจากสวนสู่ผู้บริโภค เทศกาลกินเจ วันที่ 14-22 ต.ค. 2555 โดยจะทำการเชื่อมโยงผักสดจากตลาดกลางในความส่งเสริมของกรมการค้าภายในและจากไร่เกษตรกรมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรง ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 10-20% เพื่อแก้ปัญหาผักสดราคาแพงในช่วงเทศกาลกินเจ และลดค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภคในราคาที่เป็นธรรม โดยกำหนดจัดในตลาดสด 10 แห่ง ในส่วนกลางกำหนดจัด 3 แห่ง ได้แก่ ตลาดศูนย์การค้ามีนบุรี ตลาดอ่อนนุชเฟรชมาร์ท และตลาดแฮปปี้แลนด์ ส่วนภูมิภาคจัด 7 แห่ง ที่ตลาดศูนย์การค้ากำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ตลาดบางลำภู จังหวัดขอนแก่น ตลาดศูนย์การค้ารังสิต ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ตลาดเสรี ตลาดนัดศาลายา จังหวัดนครปฐม ตลาดศรีนคร จังหวัดนครสวรรค์ ตลาดย่าโม จังหวัดนครราชสีมา และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จังหวัดปัตตานี โดยจะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ที่ตลาดนัดศาลายา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้ทำการสำรวจแนวโน้มราคาผักสดก่อนช่วงเทศกาลกินเจ พบว่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่จนทำให้ผลผลิตออกมาน้อยกว่าความต้องการ ขณะที่ต้นทุนการขนส่งก็ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เทศกาลกินเจปีนี้ราคาผักจะแพงที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะผักใบที่นิยมบริโภคและนำไปประกอบอาหารหลายชนิด เช่น ผักคะน้า ผักบุ้งจีน ผักกวางตุ้ง ผักชี มีแนวโน้มราคาจะปรับเพิ่มขึ้นกว่าปกติ 2-3 เท่าตัว
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาผักสดพบว่า ผักคะน้าปรับขึ้นจากปกติ กก.ละ 20-25 บาท เป็นกก.ละ 80-85 บาท ผักบุ้งจีนปรับเพิ่มจาก กก.ละ 20-25 บาท เป็น 45-50 บาท ผักกวางตุ้งจาก กก.ละ 20-25 บาท เป็น 40-50 บาท ผักกาดขาวปลีเพิ่มจาก กก.ละ 20 บาท เป็น 30-40 บาท ผักชีเพิ่มจาก กก.ละ 100 บาท เป็น 190-200 บาท ต้นหอมเพิ่มจาก กก.ละ 50-70 บาท เป็น 110-120 บาท กะหล่ำดอกเพิ่มจาก กก.ละ 25-35 บาท เป็น 65-70 บาท และผักกาดหอมจาก กก.ละ 25-45 บาท เป็น 100-120 บาท
ส่วนราคาเนื้อสัตว์ยังทรงตัว โดยราคาเนื้อหมูเฉลี่ย กก.ละ 98-110 บาท เพราะพื้นที่การเลี้ยงไม่ถูกน้ำท่วม ประกอบกับหมูกินอาหารมากเติบโตไว และใกล้ถึงเทศกาลกินเจจะมีความต้องการบริโภคเนื้อหมูลดลง ส่วนไข่ไก่ปรับราคาขึ้นเล็กน้อย หลังจากมีการปลดระวางแม่ไก่ทำให้ผลผลิตลดลง โดยราคาไข่เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 2.75-2.90 บาท
ผลจากราคาผักสดที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น ได้ส่งผลให้ราคาอาหารตามสั่ง และอาหารเจที่ใช้ผักสดในการประกอบอาหารมีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยร้านอาหารในตลาดสด ร้านอาหารปรุงสำเร็จ และร้านข้าวแกงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น ดอนเมือง ปทุมธานี นนทบุรี รังสิต สะพานใหม่ ได้เริ่มมีการแจ้งลูกค้าว่าจะเปลี่ยนการขายอาหารจากเมนูเนื้อสัตว์เป็นอาหารเจแทน และขอปรับเพิ่มราคาขึ้นจากเมนูปกติอีก 5-15 บาท โดยหากอาหารตามสั่งเดิมเมนูละ 30-35 บาท ก็จะปรับเพิ่มเป็น 35-50 บาท รวมถึงแกงบรรจุถุงก็จะมีการปรับราคาในลักษณะดังกล่าวด้วย
โดยพ่อค้าแม่ค้าให้เหตุผลว่า ต้นทุนประกอบอาหารเจปีนี้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาผักสดเพิ่มจากปกติ 2-3 เท่า ซึ่งแพงขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนเริ่มเทศกาลกินเจแล้ว 2 สัปดาห์ ส่วนเครื่องปรุงรส และส่วนประกอบอาหารต่างๆ ก็ยังแพงกว่าอาหารทั่วไป เช่น ซีอิ๊วขาวแพงกว่าน้ำปลา รวมถึงเครื่องปรุงอื่นๆ ทั้งเต้าหู้ โปรตีนเกษตรก็มีราคาสูง ทำให้ต้องปรับราคาอาหารสำเร็จรูปเพิ่มตาม แต่ยืนยันว่าจะขึ้นราคาในระยะสั้นเฉพาะช่วงกินเจเท่านั้น และหลังจากนั้นจะลดเหลือเท่าเดิม
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า จากอิทธิพลพายุแกมี และเกิดฝนตกหนักมาตลอดเป็นระยะเวลาหลายวันเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรกรรม ทั้งในส่วนของข้าวและพืชผักโดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม และราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกผักสวนครัวขนาดใหญ่ของประเทศ โดยพบว่ามีพื้นที่เสียหายรวม 18,900 ไร่ ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ตลาดสินค้าพืชผลทางการเกษตรประสบกับปัญหาขาดแคลนได้ และมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 15 ต.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในได้เตรียมแผนแก้ปัญหาผักมีราคาแพง โดยจะจัดโครงการผักสดจากสวนสู่ผู้บริโภค เทศกาลกินเจ วันที่ 14-22 ต.ค. 2555 โดยจะทำการเชื่อมโยงผักสดจากตลาดกลางในความส่งเสริมของกรมการค้าภายในและจากไร่เกษตรกรมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรง ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 10-20% เพื่อแก้ปัญหาผักสดราคาแพงในช่วงเทศกาลกินเจ และลดค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภคในราคาที่เป็นธรรม โดยกำหนดจัดในตลาดสด 10 แห่ง ในส่วนกลางกำหนดจัด 3 แห่ง ได้แก่ ตลาดศูนย์การค้ามีนบุรี ตลาดอ่อนนุชเฟรชมาร์ท และตลาดแฮปปี้แลนด์ ส่วนภูมิภาคจัด 7 แห่ง ที่ตลาดศูนย์การค้ากำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ตลาดบางลำภู จังหวัดขอนแก่น ตลาดศูนย์การค้ารังสิต ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ตลาดเสรี ตลาดนัดศาลายา จังหวัดนครปฐม ตลาดศรีนคร จังหวัดนครสวรรค์ ตลาดย่าโม จังหวัดนครราชสีมา และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จังหวัดปัตตานี โดยจะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ที่ตลาดนัดศาลายา
