“ชัจจ์” ไม่ปลื้มแอร์พอร์ตลิงก์ 20 บาทคนใช้น้อย สั่งเร่งประชาสัมพันธ์และร่วมกับ ทอท.จัดกิจกรรมที่สุวรรณภูมิจูงใจผู้โดยสาร ยันครบ 3 เดือนยอดไม่ถึงเป้ายกเลิก เผยอีก 2 เดือนเปิดประมูลซื้อรถไฟฟ้าใหม่ 7 ขบวนได้ และสิ้นปีมีร้านค้าให้บริการ ด้านแอร์พอร์ตลิงก์ฟุ้งผลประกอบการปี 55 มีกำไร เหตุผู้โดยสารเพิ่ม ส่วนปี 56 เจอซ่อมใหญ่ 300 ล้าน จ่อขาดทุนอีก
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจผลการทดลองใช้ค่าโดยสาร 20 บาทของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์วันนี้ (1 ต.ค.) ว่า การจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายสำหรับรถขบวนธรรมดา (City Line) ช่วงเวลา 11.00-14.00 น. ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 30 กันยายนเป็นวันแรก ปรากฏว่ามีผู้โดยสารใช้บริการในช่วงดังกล่าวประมาณ 5,900 คน เพิ่มจากช่วงเดียวกันที่เก็บค่าโดยสารปกติประมาณ 100 คน ถือว่าน้อยมาก ไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะการเก็บ 20 บาทจะคุ้มทุนผู้โดยสารต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อย 3,000 คน ซึ่งการที่ผู้โดยสารยังไม่เพิ่มมากนักอาจเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง ซึ่งต้องเร่งแก้ไข และจะต้องมีการจัดกิจกรรมที่สถานีปลายทาง เช่น สถานีสุวรรณภูมิ โดยร่วมมือกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เพื่อจูงใจให้เกิดการเดินทาง
ทั้งนี้ จะเก็บ 20 บาทตลอดสายรวม 3 เดือน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แล้วประเมินผล หากผู้โดยสารไม่เพิ่มจากเดิมจะขาดทุนประมาณ 1.95 ล้านบาทต่อเดือน และต้องยกเลิก แต่หากได้รับความนิยมและมีกำไรจะขยายช่วงเวลาและระยะเวลา ส่วนการจัดซื้อรถไฟฟ้าใหม่ 7 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ประมาณ 5,200 ล้านบาทนั้น อยู่ในขั้นตอนร่างเงื่อนไขทีโออาร์ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเร่งรัดการส่งมอบให้ได้ขบวนแรกในเดือนธันวาคม 2556 เพื่อมาให้บริการในช่วงเช้าและเย็นที่มีความแออัด ส่วนร้านค้าเชิงพาณิชย์นั้นอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้เดือนธันวาคม 2555
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด กล่าวว่า คาดว่าช่วงแรกจะมีผู้โดยสารเพิ่ม 15% และต่อไปจะเพิ่ม 50-60% หรือเพิ่มขึ้นจากปกติ 5,800 คนเป็น 8,000 คน ซึ่งจะคุ้มทุน และสามารถขยายเวลาเป็น 10.00-16.00 น.และต่อไปถึงกลางปี 56 แต่หากยังขาดทุนต้องยกเลิก เพราะรายได้ที่หายไปรัฐไม่ได้เข้ามาชดเชย ซึ่งจะเร่งประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเพื่อจูงใจเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในช่วง 9 เดือน ปี 2555 (ต.ค. 54-มิ.ย. 55) มีกำไร (Ebitda) ประมาณ 103 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะมีกำไรเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 4 หมื่นคนต่อวันเป็น 4.5 หมื่นคนต่อวัน ทำให้รายได้เติบโตประมาณ 23.5% ขณะที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้บางส่วน แต่ปี 56 อาจจะกลับไปขาดทุน เพราะจะมีการลงทุนซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าครั้งใหญ่วิ่งครบ 1 ล้าน กม.ประมาณ 300 ล้านบาท
ส่วนการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกที่สถานีมักกะสัน ยอมรับว่าการดำเนินงานล่าช้า 6-7 เดือนแล้ว เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาได้ โดยการก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางเชื่อมต่อต่างระดับ (แลมป์) จากถนนรัชดาภิเษกเข้าสู่สถานีติดเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), การก่อสร้างทางเดินยกระดับ หรือ Skywalk เชื่อมกับสถานีเพชรบุรีของ MRT กำลังปรับแบบเพื่อเลี่ยงเสาเข็มจากอุโมงค์รถไฟฟ้า เป็นต้น โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จประมาณกลางปี 56