เปิดมุมมอง 3 บิ๊กเนม “หม่อมอุ๋ย-ธีระชัย-ณรงค์ชัย” ฝ่ามรสุม ศก.โลก แนะแบงก์ชาติควรใช้กรอบเงินเฟ้อผสมอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อดูแล ศก.ไทย “อัมมาร” ย้ำ ธปท.ต้องประสาน รบ.เพื่อดูแลเงินบาท
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในการสัมมนาวิชาการประจำปี 2555 ของ ธปท.โดยระบุว่า ท่ามกลางความผันผวนของระบบการเงินและปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวจากปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป แนวทางการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เหมาะสมของ ธปท.ควรใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นนโยบายหลักในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่กับการวางกรอบนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อสามารถรักษาสถานะแข่งขันของผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลก
“อย่าไปเถียงกันเลยว่าการใช้เป้าหมายเงินเฟ้อ หรือการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไหนดีกว่ากัน เพราะดีทั้ง 2 อย่างควรนำมาผสมผสานกัน เพราะผู้ส่งออกไม่ได้ต้องการแค่เสถียรภาพด้านราคาในการดูแลเศรษฐกิจ แต่ต้องการเสถียรภาพด้านอัตราแลกเปลี่ยนควบคู่กันไป แม้ ธปท.จะกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นนโยบายหลักในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ แต่เห็นว่าควรจะต้องทำควบคู่กับอัตราแลกเปลี่ยนด้วย”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการให้ ธปท.มีบทบาทในการทำหน้าที่ธนาคารกลาง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ 1. เป็นองค์กรที่พึ่งพาได้ในเรื่องเศรษฐกิจ ติดตามปัญหาเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และเตรียมการแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้า 2. การดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมา ธปท.ทำหน้าที่นี้ได้ดีมาโดยตลอด แต่น่าจะเพิ่มความยืดหยุ่นมากขึ้น คำนึงถึงอัตราการเติบโตของประเทศ และควรเป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง แต่ยังต้องรักษาสัมพันธ์ที่ดีต่อกระทรวงการคลัง เพราะทั้ง 2 หน่วยงานจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน
3. การดูแลรักษาสถาบันการเงินให้มีความมั่นคงแข็งแรง และมีการออกกฎให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจเพื่อดูแลให้ครอบคลุม แต่ขณะเดียวกันต้องไม่เข้มงวดจนทำให้สถาบันการเงินไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้ และเมื่อสถาบันการเงินมีปัญหา ธปท.ต้องแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว และ 4. การกำกับดูแลสิ่งที่เป็นผลกระทบต่อวัฒนธรรม การเงิน และสังคม เช่น กรณีการออกบัตรเครดิตที่ต้องคำนึงถึงการออมก่อนใช้
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า แม้ทาง ธปท.จะใช้การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นหลักในการบริหารนโยบายการเงิน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธถึงความสำคัญที่จะใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนควบคู่กัน เนื่องจากสภาวะแวดล้อมทางการเงินไทยในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งตลาดเงินและตลาดทุนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ขณะที่ยังมีข้อจำกัดของการจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แม้ผู้ประกอบการได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่วน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การดำเนินนโยบายการเงินมีเป้าหมายหลักคือการรักษาเสถียรภาพทั้งด้านราคา อัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ใช่คำนึงถึงการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งในปัจจุบันคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้นำทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาการดำเนินนโยบายอยู่แล้ว โดยไม่ได้ยึดติดในเรื่องของการดำเนินนโยบายการเงินผ่านกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว
ขณะเดียวกัน นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในตอนหนึ่งของงานสัมมนาวิชาการประจำปีของ ธปท. โดยมองว่า ปัจจุบัน ธปท.มีความเป็นอิสระในการทำงานมากเกินไป และไม่มีการประสานงานกับรัฐบาลเนื่องจากมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป แต่การทำนโยบายการเงินต้องเชื่อมโยงไปถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศ และต้องพิจารณาองค์ประกอบรวมของเศรษฐกิจประเทศอย่างรอบคอบด้วยจึงสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี
ดังนั้น ธปท.ควรที่จะมีการหารือร่วมกับรัฐบาล แต่ไม่ใช่เป็นการรับคำสั่งจากฝ่ายการเมืองเพราะ ธปท.ก็ยังต้องมีความเป็นอิสระ ซึ่งตนเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนความเป็นอิสระของ ธปท. เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่างกฎหมายของ ธปท. ยกตัวอย่างเช่น การใช้นโยบายการเงินในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมาแม้คนใน ธปท.จะปฏิเสธ แต่เมื่อความจริงปรากฏจากระดับทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เป็นหลักฐานที่ฟ้อง และ ธปท.ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าเข้าไปกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลที่ต้องการให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพื่อสนับสนุนการส่งออก และหากค่าเงินบาทแข็งค่ามาก การขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวันก็เป็นเพียงนโยบายเท่านั้น
นายอัมมารกล่าวว่า เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าอัตราดอกเบี้ย เพราะแม้อัตราดอกเบี้ยจะเป็นตัวกำหนดค่าของเงินในรูปเงินบาท แต่อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวกำหนดค่าของเงินที่เทียบกับเงินตราต่างประเทศทั้งหมดในกรณีที่เราทำการค้าต่างประเทศ ซึ่งแรงกดดันต่อการขยายตัวเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของไทย และความรับผิดชอบเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกครั้งที่แบงก์ชาติต้องเปลี่ยนตัวผู้ว่าการก็มาจากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
“ถ้าจะเปรียบเทียบการทำนโยบายของแบงก์ชาติ ก็เปรียบได้ว่าแบงก์ชาติเป็นคนวาดรูปช้างและวาดแต่บั้นท้ายของช้างเท่านั้น พอนึกจะทำอะไรเพื่อจะชักจูงช้างก็จะนึกออกได้อย่างเดียวว่าคือการลากหางช้างเพื่อจูงเขาไป แต่ลองคิดดูการลากช้างอย่างนั้นมัน make sense หรือเปล่า มันต้องทำความเข้าใจว่าช้างในที่นี้มันก็คือเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น หากจะลากช้างก็ต้องจูงไปทั้งตัวอย่าลากไปเฉพาะหาง” นายอัมมารกล่าว
ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า ธปท.ได้มีการประสานการทำงานด้านอัตราแลกเปลี่ยนกับรัฐบาลมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าขณะนี้จะไม่มีการประชุมทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีการหารือร่วมกันทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการทั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน