ทูตญี่ปุ่นตบเท้าหารือกระทรวงอุตสาหกรรม เผยนักลงทุนญี่ปุ่นเตรียมทยอยเข้าลงทุนไทยเพิ่มขึ้นอีกแน่หลังการบริหารจัดการน้ำเริ่มทำให้นักลงทุนพอใจมากขึ้นโดยเฉพาะในนิคมฯ สหรัตนนคร พร้อมยังแสดงความสนใจลงทุนเหล็กต้นน้ำ
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับนายเซอิจิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่จะสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งประจำประเทศไทยในวันที่ 3 ต.ค.นี้ว่า ทูตญี่ปุ่นได้มาอำลาและแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือและสนับสนุนการดูแลบริหารจัดการน้ำในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการก่อสร้างคันกันน้ำชั่วคราวในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่ได้ส่งทหารเข้าไปดำเนินการหลังจากล่าช้าจนทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นมีความพอใจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมนักลงทุนญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุนยังไทยเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
“ญี่ปุ่นได้มาขอบคุณที่ช่วยดูแลนิคมฯ สหรัตนนครที่ขณะนี้การก่อสร้างคันกันน้ำชั่วคราวได้คืบหน้าไปแล้วกว่า 30% ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งลงทุนในนิคมฯดังกล่าวมีความพอใจจากที่ผ่านมาก็วิตกถึงปัญหาน้ำท่วม และภาพรวมก็เห็นว่าไทยยังบริหารจัดการได้ดีซึ่งทางญี่ปุ่นได้ตอกย้ำว่าจะมีนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาไทยอีกมาก”รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
ทั้งนี้ คำขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ญี่ปุ่นยังคงครองอันดับสูงสุด โดยมีคำขอปีนี้คิดเป็นมูลค่า 300,000-400,000 ล้านบาท ดังนั้นไทยจำเป็นที่จะต้องเร่งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับการลงทุน โดยเฉพาะญี่ปุ่นเองสนใจที่จะลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำโดยระบุว่าขณะนี้เทคโนโลยีของเตาหลอมทันสมัยสามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่านโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมหากมีพื้นที่ตั้งในไทยชุมชนยอมรับ ก็จะส่งเสริมให้ลงทุนในไทยก่อนซึ่งก็สอดรับกับการศึกษาของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ขณะเดียวกันไทยเองก็มองในเรื่องของการส่งเสริมการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะพม่าซึ่งไทยอาจเป็นตัวกลางในการพาญี่ปุ่นไปลงทุนด้วยซึ่งญี่ปุ่นเองก็แสดงความสนใจ
