xs
xsm
sm
md
lg

MILL เชื่อปีนี้กำไรโตสูงสุด จาก Margin ที่เพิ่มขึ้นแตะ 7.4%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มิลล์คอนสตีล” คาดปีนี้กำไรดีที่สุด หลังได้รับอานิสงส์เต็มๆ จากโครงการ Green MILL ช่วยผลักดันรายได้จากการขายเหล็กทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมดันอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจาก 5% สู่ระดับ 7.4% ล่าสุด ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก กำไร 160.71 ล้านบาท มากกว่าทั้งปีก่อน

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.มิลล์คอนสตีล อินดัสทรีส์ (MILL) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 160.71 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่าปี 2554 ทั้งปี ที่มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 111.53 ล้านบาท ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่าในปีนี้ MILL จะมีกำไรสุทธิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หลังจาก Green Mill Project ซึ่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว และผลิตได้ดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการขายเหล็กทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 8,930 ล้านบาท

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 7.4% เนื่องจากการผลิตที่ต่อเนื่อง ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนต่อขนาดได้มากขึ้น รวมทั้งการควบคุมกระบวนการผลิตที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถลดต้นทุนการผลิตจากการวางแผนการออกแบบก่อสร้างโรงงานผลิต Billet และโรงงานเหล็กเส้นที่ระยองให้เชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถผลิต Billet ต่อเนื่องไปผลิตเหล็กเส้นได้ทันที ส่งผลให้ต้นทุนการใช้พลังงานลดลง และผลักดันความสามารถการทำกำไรของบริษัทให้เพิ่มขึ้น

“ภาวะตลาดเหล็กในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ ความต้องการเหล็ก (Demand) ในประเทศอยู่ที่ 7.9 ล้านตัน เติบโตขึ้น 7% ซึ่งถือว่าภาวะอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศขณะนี้มีการตื่นตัว แตกต่างจากภาพของอุตสาหกรรมเหล็กโลก โดยเฉพาะในภาคก่อสร้างที่ได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทำให้มั่นใจว่า การทำกำไรของ MILL ในปีนี้จะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา” นายสิทธิชัยกล่าว

ส่วนแนวโน้มของตลาดเหล็กในช่วงครึ่งปีหลัง ประเมินว่า การบริโภคเหล็กในประเทศยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง และปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อุตสาหกรรมก่อสร้างยานยนต์ และเครื่องจักรกลซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ ที่มีการใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบในการผลิต ส่วนแนวโน้มราคาเหล็กในปีนี้อาจจะมีความผันผวนบ้างเล็กน้อย ทั้งนี้ คาดว่าการบริโภคเหล็กในปี 2555 นี้จะอยู่ที่ 16.5 ล้านเมตริกตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีปริมาณการบริโภค 14.7 ล้านเมตริกตัน
กำลังโหลดความคิดเห็น