8 บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเหล็กรีดร้อน-เหล็กลวดโวยจีนทุ่มตลาดจี้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เร่งออกมาตรการตอบโต้เร่งด่วน
นายทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ต้องการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดการออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอน และเหล็กลวดเจือโบรอนหรือเจือโครเมียมจากสาธารณประชาชนจีน ที่ขณะนี้ผู้ผลิตในประเทศกำลังประสบปัญหาอย่างมากเพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนได้
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรีดร้อน 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี, บมจ.สหวิริยาเพลทมิล, บมจ.จีสตีล, บมจ.จี เจสตีล และบมจ.แอลพีเอ็น เพลทมิล ที่ถูกทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอนจากจีนโดยการนำเข้ามีการสำแดงพิกัดศุลกากร 7225 ที่มีภาษี 0% แทนที่จะเป็นพิกัดศุลกากร 7208 ที่มีภาษีขาเข้า 5% ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ซึ่งการเจือโบรอนดังกล่าวไม่ได้ทำให้คุณสมบัติเหล็กเปลี่ยนแปลงไปการใช้งานก็ไม่ต่างจากเหล็กแผ่นรีดร้อน ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนยังอุดหนุนในรูปของการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 9% จึงทำให้ราคาเหล็กของจีนต่ำกว่าไทยถึง 9%
“ส่วนของเหล็กรีดร้อนนั้นได้ทำหนังสือไปยังกรมการค้าภายในตั้งแต่ปี 2554 แล้วขณะนี้ยังไม่คืบหน้าและระหว่างที่รอรัฐพิจารณาเก็บอากรทุ่มตลาดเหล็กรีดร้อนจากจีนยังเริ่มมีเหล็กเจือโบรอนจากเกาหลีเพิ่มขึ้นอีกซึ่งพบว่า 7 เดือนมีนำเข้าเกินกว่า 3 แสนตันและคาดว่าภายในปีนี้ไทยจะนำเข้าเหล็กรีดร้อนเจือโบรอนสูงขึ้นราว 4-5 แสนตัน” นายทรงวุฒิกล่าว
ส่วนผู้ผลิตเหล็กลวดที่ร้องเรียนมามี 3 บริษัท ได้แก่ กลุ่มบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ที่ประกอบด้วย บ.เหล็กสยาม (2001) จำกัด บมจ.เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป บริษัทโรงงานเหล็กกรุงเทพ จำกัด และบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ ซึ่งการนำเข้ามาของเหล็กลวดจากจีนจะเติมโครเมียม 0.3% และโบรอนอัตรา 0.0008% เพียงเพื่อให้เข้าข่ายสามารถนำเข้าเหล็กได้ในพิกัดศุลกากร 7227 ที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าทั้งที่เหล็กประเภทนี้นำมาใช้ในงานก่อสร้างพิกัดศุลกากร 7213 ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้า 5% ทำให้รัฐบาลไทยต้องสูญเสียรายได้เข้าประเทศ