นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ หรือ CHOW ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาวสำหรับนำไปแปรรูปเป็นเหล็กเพื่อการก่อสร้างกล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะกำหนดช่วงราคาหุ้นเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้นไว้ที่ 2.90-3.10 บาท/หุ้น และจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็น เอ ไอ (mai)ได้ในช่วงกลางเดือน
ธ.ค.นี้ โดยเงินที่จะได้จากการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งจะช่วยลดต้นทุนในส่วนของการผลิตต่างๆ
ด้านภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเกิน 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีรายได้ 3.89 พันล้านบาท หลังในช่วง 9 เดือนที่ผ่ามาบริษัมมีรายได้แล้ว 4.25 พันล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักมาจากราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปัจจุบันราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่กิโลกรัมละประมาณ 18 บาท ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์เต็มไปถึงสิ้นปี และยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นแตะ 7,000ล้านบาท จากการเติบโตตามอุตสาหกรรมเหล็กที่ยังมีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 20% เป็น 3.4-3.6 แสนตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตเต็มที่ที่ 4.5 แสนตันต่อปี
นายโชคชัย ศรีเสวกกาญจน กรรมการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน CHOW เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ซึ่งภายหลังหุ้น IPO เข้าทำการซื้อขายแล้ว จะทำให้สัดส่วนอัตราหนี้สินต่อทุน( D/E ) ลดลงเหลือประมาณกว่า 1 เท่า จาก ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ 2.69 เท่า ขณะที่สัดส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีตระกูลจิรธรรมศิริถือหุ้นรวมกัน 84.5% จะลดลงเหลือ 63.4%
ธ.ค.นี้ โดยเงินที่จะได้จากการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งจะช่วยลดต้นทุนในส่วนของการผลิตต่างๆ
ด้านภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเกิน 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีรายได้ 3.89 พันล้านบาท หลังในช่วง 9 เดือนที่ผ่ามาบริษัมมีรายได้แล้ว 4.25 พันล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักมาจากราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปัจจุบันราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่กิโลกรัมละประมาณ 18 บาท ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์เต็มไปถึงสิ้นปี และยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นแตะ 7,000ล้านบาท จากการเติบโตตามอุตสาหกรรมเหล็กที่ยังมีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 20% เป็น 3.4-3.6 แสนตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตเต็มที่ที่ 4.5 แสนตันต่อปี
นายโชคชัย ศรีเสวกกาญจน กรรมการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน CHOW เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ซึ่งภายหลังหุ้น IPO เข้าทำการซื้อขายแล้ว จะทำให้สัดส่วนอัตราหนี้สินต่อทุน( D/E ) ลดลงเหลือประมาณกว่า 1 เท่า จาก ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ 2.69 เท่า ขณะที่สัดส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีตระกูลจิรธรรมศิริถือหุ้นรวมกัน 84.5% จะลดลงเหลือ 63.4%