“คมนาคม” เดินหน้าโครงการ “รถเมล์” เอ็นจีวี 3 พันคัน 1.3 หมื่นล้าน เตรียมชง ครม.ภายในเดือนนี้ ยอมรับโครงการล่าช้า เพราะต้องระมัดระวังเรื่องปัญหาการทุจริต กนร.แนะ ขสมก.เร่งสางหนี้ 7.6 หมื่นล้าน โดยผ่านการลงทุนรถเมล์เอ็นจีวีใหม่ แทนรถใช้ดีเซลเพื่อลดการขาดทุนสะสม
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,163 ล้านบาท โดยระบุว่าขณะนี้โครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ กนร. แล้ว หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายมองว่าโครงการมีความคืบหน้าล่าช้า นายชัชชาติ กล่าวว่า เนื่องจากกระทรวงคมนาคมต้องการให้การเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าวไม่มีปัญหาการทุจริตเหมือนที่ผ่านมา แม้โครงการจะริเริ่มมาแล้วหลายปี
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังเน้นการแก้ปัญหาการซ่อมบำรุง ซึ่งที่ผ่านมาเป็นปัญหาการให้บริการเดินรถของ ขสมก. เพราะหากสภาพรถเก่าและไม่มีการซ่อมบำรุงตามกรอบอายุการใช้งาน จะทำให้รถที่นำมาใช้หมุนเวียนขาดไปจากระบบและกระทบการให้บริการในที่สุด
ในวันเดียวกันนี้ นายชัชชาติยังเป็นประธานเปิดอบรมพนักงานและพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถโดยสารจำนวน 600 คน ภายใต้โครงการรถโดยสาร บริการเป็นมิตร สร้างคุณภาพชีวิตให้คนไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของกรมการขนส่งทางบกที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของพนักงานประจำรถโดยสารให้มีคุณภาพที่ดี โดยเฉพาะการพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โดยก่อนหน้านี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลดภาระหนี้ และลดต้นทุนในการดำเนินงานของ ขสมก. ซึ่งขาดทุนต่อเนื่อง และมีหนี้กว่า 76,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นอาจจะพิจารณาการลงทุนเพิ่ม เพื่อเปลี่ยนรถโดยสารที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลประมาณ 3,000 คันที่เริ่มมีสภาพทรุดโทรม ให้เป็นรถโดยสารที่ใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวีทั้งแบบปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ เพื่อเป็นการลดต้นทุนสะสมของทาง ขสมก. โดยที่ประชุมได้มุ่งเน้นให้มีการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด