“ชัชชาติ”จี้ บขส.ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย จัด Safety Zone หมอชิตใหม่สรุปใน 1 เดือน “วุฒิชาติ”ชี้พื้นที่แคบและติดปมสัญญาเช่าที่ ร.ฟ.ท.ขอนโยบายชัดเจนก่อนเดินหน้าลงทุนปรับปรุง ขณะที่ผลประกอบการ 55 กำไรลดจากปีก่อน 50% เหตุค่าใช้จ่ายน้ำมันพุ่ง 40 ล้านบาท ช่วงน้ำท่วม และต้องชะลอแผนซื้อรถ NGV800 คันรอนโยบายNGVนิ่ง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยในโอกาสที่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ดำเนินงานครบรอบ 82 ปี ว่า ได้ให้นโยบายในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ เช่น ติดตั้ง GPS บนรถโดยสารและการเพิ่มกล้อง CCTV ในจุดที่เสี่ยง ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิตใหม่) จะต้องจัดทำเป็นระบบปิด (Safety Zone) ควบคุมทางเข้าออกแต่ยังติดปัญหาพื้นที่ค่อนข้างแคบ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อดีข้อเสียแต่ละแนวทาง คาดว่าจะสรุปได้ในสัปดาห์หน้าและเริ่มดำเนินการใน 1 เดือน
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่สถานีหมอชิตใหม่แคบ การทำเป็นระบบปิดจะต้องวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียใน 2-3 แนวทาง เช่น การปรับปรุงกายภาพการใช้สอยของอาคารเดิม โดยขยับช่องจำแหน่ายตั๋วออกมาด้านหน้าเพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นจุดให้ผู้โดยสารรอขึ้นรถ หรือ การก่อสร้างอาคารเพิ่มเติม เป็นต้น ซึ่งมีการลงทุนที่ต่างกัน และต้องเชิญชวนเอกชนเข้ามาลงทุน นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงการเดินทางในช่วงเทศกาลด้วย
“ประเด็นสำคัญคือ จะต้องขอความชัดเจนจากนโยบายในเรื่องที่ตั้งของสถานีหมอชิตใหม่ว่าจะยังคงอยู่ที่เดิมซึ่งเป็นพื้นที่เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยขณะนี้ต่อสัญญาเช่าทุก 3 ปี เป็นการถาวรหรือจะย้ายไปที่ใหม่ ซึ่งหากอยู่ที่เดิมจะต้องทำทางเชื่อมกับทางด่วนเพื่อเข้าออกสถานีได้สะดวกมากขึ้นด้วย เพราะจะมีผลต่อการวางแผนการทำเป็นระบบปิดด้วย โดยในสัปดาห์หน้าแนวทางจะมีความชัดเจนและเริ่มประเมินงบประมาณที่จะลงทุนได้ภายใน 1 เดือน”นายวุฒิชาติกล่าว
นายวุฒิชาติกล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2555 คาดว่าจะมีกำไรน้อยกว่าปี 2554 ประมาณ 50% เนื่องจากมีปัญหาอุทกภัยช่วง 3-4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 ( ต.ค.-ธ.ค.55 ) ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเพิ่มขึ้น ประมาณ 40 ล้านบาท จากการเพิ่มเที่ยววิ่งและการวิ่งอ้อมเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วม และมีค่าซ่อมบำรุงรถโดยสาร ค่าซ่อมบำรุงสถานีขนส่งเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนรายได้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2554 เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารไม่ลด โดยจะมีการหาทางเพิ่มรายได้ในการบริการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว 6 คันและ รถจำหน่ายตั๋วเคลื่อนที่เพื่อเข้าถึงผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น
สำหรับผลดำเนินงานในปี 2554 มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาทสูงกว่าปีก่อน 46 ล้านบาท หรือ 58.07% โดยมีรายได้จากการเดินรถ 3,382 ล้านบาท รายได้จากรถร่วมฯ 883 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 233 ล้านบาท
สำหรับแผนจัดซื้อรถที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 800 คันนั้น ต้องชะลอแผนไว้ก่อนเพื่อประเมินทิศทางของการเพิ่มสถานีบริการ NGV ที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการ โดยปัจจุบัน บขส.ใช้วิธีเช่ารถมาให้บริการทดแทนรถเก่าไปก่อน ขณะที่ปัจจุบัน มีรถที่ใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 800 คัน รถใช้ NGV 100 คัน โดยจะใช้วิ่งในเส้นทางสายสั้นที่สามารถเติมก๊าซ NGV จากต้นทางเพียงครั้งเดียว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยในโอกาสที่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ดำเนินงานครบรอบ 82 ปี ว่า ได้ให้นโยบายในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ เช่น ติดตั้ง GPS บนรถโดยสารและการเพิ่มกล้อง CCTV ในจุดที่เสี่ยง ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิตใหม่) จะต้องจัดทำเป็นระบบปิด (Safety Zone) ควบคุมทางเข้าออกแต่ยังติดปัญหาพื้นที่ค่อนข้างแคบ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อดีข้อเสียแต่ละแนวทาง คาดว่าจะสรุปได้ในสัปดาห์หน้าและเริ่มดำเนินการใน 1 เดือน
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่สถานีหมอชิตใหม่แคบ การทำเป็นระบบปิดจะต้องวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียใน 2-3 แนวทาง เช่น การปรับปรุงกายภาพการใช้สอยของอาคารเดิม โดยขยับช่องจำแหน่ายตั๋วออกมาด้านหน้าเพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นจุดให้ผู้โดยสารรอขึ้นรถ หรือ การก่อสร้างอาคารเพิ่มเติม เป็นต้น ซึ่งมีการลงทุนที่ต่างกัน และต้องเชิญชวนเอกชนเข้ามาลงทุน นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงการเดินทางในช่วงเทศกาลด้วย
“ประเด็นสำคัญคือ จะต้องขอความชัดเจนจากนโยบายในเรื่องที่ตั้งของสถานีหมอชิตใหม่ว่าจะยังคงอยู่ที่เดิมซึ่งเป็นพื้นที่เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยขณะนี้ต่อสัญญาเช่าทุก 3 ปี เป็นการถาวรหรือจะย้ายไปที่ใหม่ ซึ่งหากอยู่ที่เดิมจะต้องทำทางเชื่อมกับทางด่วนเพื่อเข้าออกสถานีได้สะดวกมากขึ้นด้วย เพราะจะมีผลต่อการวางแผนการทำเป็นระบบปิดด้วย โดยในสัปดาห์หน้าแนวทางจะมีความชัดเจนและเริ่มประเมินงบประมาณที่จะลงทุนได้ภายใน 1 เดือน”นายวุฒิชาติกล่าว
นายวุฒิชาติกล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2555 คาดว่าจะมีกำไรน้อยกว่าปี 2554 ประมาณ 50% เนื่องจากมีปัญหาอุทกภัยช่วง 3-4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 ( ต.ค.-ธ.ค.55 ) ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเพิ่มขึ้น ประมาณ 40 ล้านบาท จากการเพิ่มเที่ยววิ่งและการวิ่งอ้อมเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วม และมีค่าซ่อมบำรุงรถโดยสาร ค่าซ่อมบำรุงสถานีขนส่งเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนรายได้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2554 เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารไม่ลด โดยจะมีการหาทางเพิ่มรายได้ในการบริการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว 6 คันและ รถจำหน่ายตั๋วเคลื่อนที่เพื่อเข้าถึงผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น
สำหรับผลดำเนินงานในปี 2554 มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาทสูงกว่าปีก่อน 46 ล้านบาท หรือ 58.07% โดยมีรายได้จากการเดินรถ 3,382 ล้านบาท รายได้จากรถร่วมฯ 883 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 233 ล้านบาท
สำหรับแผนจัดซื้อรถที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 800 คันนั้น ต้องชะลอแผนไว้ก่อนเพื่อประเมินทิศทางของการเพิ่มสถานีบริการ NGV ที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการ โดยปัจจุบัน บขส.ใช้วิธีเช่ารถมาให้บริการทดแทนรถเก่าไปก่อน ขณะที่ปัจจุบัน มีรถที่ใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 800 คัน รถใช้ NGV 100 คัน โดยจะใช้วิ่งในเส้นทางสายสั้นที่สามารถเติมก๊าซ NGV จากต้นทางเพียงครั้งเดียว