สั่งปิดโรงกลั่นบางจากเพื่อตรวจสอบ 30 วันหลังเกิดเหตุระเบิด “ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์” โล่งไม่มีบาดเจ็บ-เสียชีวิต เพราะระบบอัตโนมัติทำงานทันที เตรียมหารือพลังงานเพิ่มระยะห่างระหว่างชุมชนกับโรงงาน เผยระยะยาวอาจต้องย้าย ไม่ชุมชนก็โรงงาน
วันนี้ (4 ก.ค.) ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์กรณีเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ภายในบริษัท บางจากปิโตรเลียม ซอยสุขุมวิท 64 ว่าขณะนี้สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว และได้ส่งอธิบดีกรมโรงงานและปลัดกระทรวงไปดูในพื้นที่แล้ว ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่คงจะทราบในเร็วๆ นี้ โดยเบื้องได้รับรายงานว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
สำหรับในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยนั้น รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า เนื่องจากโรงกลั่นเป็นโรงงานที่มีระบบอัตโนมัติในการปิดวาล์วป้องกันเพลิงที่จะลุกลาม ซึ่งในกรณีนี้ระบบอัตโนมัติทำงานเต็มที่ ชัตดาวน์หมด เพลิงจึงไม่สามารถลุกลามไปที่อื่น ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เราเบาใจและมั่นใจ ส่วนในเรื่องของชุมชนนั้น ทางโรงกลั่นได้มีแผนทำงานรอบข้างกับชุมชนที่อยู่ติดกับโรงงาน ซึ่งตอนนี้ก็เรียบร้อยดี และชุมชนก็ยังไม่ได้แตกตื่นที่จะย้ายออกแต่อย่างใด
“สิ่งที่จะต้องทำต่อ คือ การไปตรวจสอบในเรื่องของสิ่งแวดล้อมว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เรื่องของควันที่เกิดขึ้นว่ามีผลกระทบต่ออะไรบ้างหรือไม่ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องดูแลต่อไป”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ระเบิดเหล่านี้เกิดขึ้นทุกปี จะมีการเข้าไปตรวจสอบเพื่อหามาตรการป้องกันหรือไม่ รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ได้มีการมอบหมายให้กรมโรงงานดำเนินการทำเรื่องแผนสอบทานความเสี่ยงเพื่อไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และย้ำหลายครั้งว่าเรื่องอย่างนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่เบาใจได้เรื่องหนึ่งว่า ทันทีที่เกิดเราสามารถระงับได้ทัน ไม่ลุกลามและระบบป้องกันภัยหรือเตือนภัยทำงานอย่างเต็มที่
ส่วนหากมีการเตือนแล้วยังมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกจะมีบทลงโทษอย่างไรหรือไม่นั้น ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า โดยปกติแล้วเรื่องบทลงโทษในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะมีการสั่งปิดโรงงานเพื่อแก้ไขปัญหาและตรวจสอบดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เกิดจากความละเลยไม่ปฏิบัติของเจ้าหน้าที่หรือเกิดจากการซ่อมบำรุงไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งก็ต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จะต้องปิดโรงงานไปกี่วัน รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า โดยหลักแล้วต้องมีการปิดเพื่อตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้ก็ต้องปิดอย่างน้อย 30 วันเพราะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อกำลังการผลิตหรือไม่นั้น รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า เท่าที่ทราบส่วนที่เกิดความเสียหาย เป็นส่วนที่ผลิตน้ำมันก๊าซ ซึ่งอาจจะมีสารประกอบทางด้านเคมีด้วย ก็ต้องรอดูว่าผลจะเป็นอย่างไร เพราะยังไม่ทราบว่ามีปริมาณการผลิตในส่วนนี้เท่าไหร่ ซึ่งทาง รมว.พลังงานคงจะมีการแถลงรายละเอียดในวันนี้
ต่อข้อถามว่าจะมีผลต่อนักลงทุนอย่างไรหรือไม่ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า ประเด็นในกรณีนี้คงเป็นเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย เพราะบ้านเราไม่ค่อยดูแลในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ดูง่ายๆ อย่างขี่มอเตอร์ไซค์ยังไม่ใส่หมวกกันน็อกกันเลย ดังนั้นเรื่องเหล่านี้คงต้องมีการปลูกฝังกันเยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระยะยาวจะมีการเคลื่อนย้ายชุมชนที่อยู่ในละแวกตรงนั้นออกไปอยู่ที่อื่นหรือไม่ รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ความจริงโรงงานเกิดมาก่อนชุมชนที่มาอยู่ข้างๆ แต่คิดว่าสิ่งที่กระทรวงต้องทำต่อไปคือเมื่อไหร่ก็ตามที่มีโรงงานขนาดใหญ่เกิดขึ้นก็ควรจะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และในนิคมฯ นี้จะต้องมีระยะห่างระหว่างชุมชนกับโรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการป้องกัน อย่างน้อยควรมีระยะห่างกันประมาณ 100-200 เมตรจากรั้วโรงกลั่น แต่ถ้ามีพื้นที่มาก หากมีระยะห่างมากกว่านี้ก็ยิ่งดี เมื่อถามว่ากรณีนี้จะต้องย้ายชุมชนหรือโรงงาน เพราะหากย้ายชุมชนคงลำบาก รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า คงต้องหารือกับทาง รมว.พลังงานอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะบริเวณนั้นก็มีโรงงานถึง 3-4 แห่งเหมือนกัน ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะย้ายอย่างไร จึงต้องหารือกับทางพลังงานเพราะเป็นเรื่องใหญ่ และมีชุมชนอยู่รอบข้างใกล้มาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการคิดไว้หรือไม่ว่าหากไม่มีการย้ายออกจะมีการดำเนินการอย่างไร ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า ความจริงที่มาบตาพุดก็มีความพยายามจะทำ แต่เนื่องจากพื้นที่ว่างมีน้อย ซึ่งก็มี 2 ทางเลือก คือ การเวนคืนกับการย้ายโรงกลั่นออกไป ก็ต้องดูว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อถามต่อว่าการปิดโรงงานมากๆ จะมีผลต่อจิตใจนักลงทุนหรือไม่ รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ถึงอย่างไรก็ต้องปิดในเมื่อทำมาไม่ถูกต้องและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อย่างไรก็ต้องปิดเพื่อตรวจสอบก่อน และเชื่อว่าทางบางจากก็คงเข้าใจ และในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยคงต้องมีเพิ่มขึ้นอีก เมื่อถามอีกว่าจำเป็นต้องเปิดเวทีคุยกับนักลงทุนหรือไม่ รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น แต่เราต้องไปตรวจสอบสาเหตุให้ชัดเจนก่อนว่าเกิดจากอะไร
