ยูนิลีเวอร์ อัดลงทุน 2.6 พันล้านบาท ครั้งใหญ่รอบ 80 ปี ผุดสำนักงานแห่งใหม่ รับแผนขยายธุรกิจสองเท่าในปี 2558 ชูเป็นฮับบุกตลาดอินโดจีนสอดรับยุทธศาสตร์บริษัทแม่ ปัดฝุ่นซัปพลายเชนหันใช้ก๊าซเอ็นจีวี เดินแผนลดใช้พลังงาน ลดต้นทุนรอบด้านลง 50% ปี 2560 ลั่นปีนี้ไม่ปรับราคาสินค้า โชว์ครึ่งปีแรกโตมากกว่า 10% สิ้นปีรายได้ทะลุ 4หมื่นล้านบาท
นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุน 2,600 ล้านบาท สร้างสำนักงานแห่งใหม่ขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 80ปี โดยสำนักงานดังกล่าวจะดูแลการตลาดครอบคลุมกลุ่มประเทศอินโดจีนทั้งหมด ได้แก่ ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม
ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของบริษัทขยายธุรกิจเป็นสองเท่าภายในปี 2558 ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 9 บนพื้นที่ 4.8 หมื่น ตร.ม. เป็นพื้นที่สำนักงาน 1.8 หมื่น ตร.ม. ประกอบด้วย รีเทลแล็บ หรือเป็นค้าปลีกที่ทดลองนำสินค้ายูนิลีเวอร์ไปวางจำหน่ายบนชั้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลเมื่อนำสินค้าไปวางในห้างจะได้เกิดประโยชน์สูงสุดมีครัวสำหรับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านอาหาร และศูนย์บิวตี้แอนด์ซาลอน ฯลฯ
“เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปตั้งสำนักงานที่ประเทศพม่า ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่การดูแลด้านการตลาดของไทย ซึ่งได้มีการดำเนินการตลาดไปแล้ว โดยปัจจุบันในพม่ายังไม่มีโรงงาน โดยใช้การส่งออกจากไทยไปพม่าและมีผู้กระจายสินค้าในพม่า”
ด้าน ดร.วิรรธน์ กฤษฎาสิมะ รองประธานกรรมการฝ่ายซัปพลายเชน กล่าวเสริมว่า นโยบายของบริษัทแม่วางประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในอินโดจีน ซึ่งเป็นนโยบายทั่วโลกของยูนิลีเวอร์ นอกจากนี้ในแต่ละปีบริษัทใช้งบทุนร่วม 1,000 ล้านบาท ในการบริหารซัปพลายเชน เพื่อให้สอดรับกับแผนของบริษัทที่ต้องการลดต้นทุนค่าขนส่ง ลดของเสียที่เกิดจากการผลิต การใช้พลังงานด้านต่างๆ
นอกจากนี้ การออกแบบสำนักงานแห่งใหม่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมถึง 20% และตั้งเป้าหมายใช้วัสดุรีไซเคิลคิดเป็น 20% รวมแล้วต้องลดลง 50% ภายในปี 2560 ซึ่งล่าสุดได้วางแนวทางนำก๊าซเอ็นจีวีมาใช้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีร้านค้าร่วม 2แสนราย
นายบาวเค่อกล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทไม่มีแผนปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข่งขันทำโปรโมชันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทเติบโตมากกว่า 10% มากกว่าการเติบโตของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเติบโตเกือบ 10% นับว่าเป็นปีทองของยูนิลีเวอร์ ซึ่งมาจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ออกมามากมาย โดยกลุ่มสินค้าของยูนิลีเวอร์เติบโตทุกแคธิกอรี และคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทมีรายได้ทะลุ 4 หมื่นล้านบาท ส่วนผลจากนโยบายซื้อรถคันแรกของภาครัฐ เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
“เราตั้งเป้าหมาย 3 แนวทาง ในปี 2563 คือ บริษัทต้องช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตสุขภาพผู้บริโภคกว่า 1 พันล้านคน การจัดหาวัตถุดิบการผลิตที่มาจากแหล่งเพาะปลูกที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนด้านการผลิตสินค้าต้องไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งวัตถุดิบการผลิต แพกเกจจิ้ง รวมไปถึงคุณสมบัติการใช้สินค้า เนื่องจากการศึกษาพบว่าการใช้สินค้าของผู้บริโภคก่อเกิดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมถึง 68%