พม่าเนื้อหอม หลังเปิดประเทศ ยูนิลีเวอร์บุกหนัก พร้อมใช้เงินเต็มสูบบูมตลาดโฆษณา “MSTF” ตั้งแผนป้องบัลลังก์เอเจนซี่โลคอล เพิ่มบุคลากรจับมือพาร์ทเนอร์ไทย มั่นใจสิ้นปีรายได้โตร่วม 50% แตะ 5 ล้านยูเอส หลังพบเอเจนซี่ข้ามชาติเตรียมเทคโอเวอร์หลายราย ส่วนภาพรวมตลาดคาดโตในทิศทางเดียวกัน หรือทะลุกว่า 100 ล้านยูเอสในปีนี้
นายจอห์น ลิม ประธานบริษัท เมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด หรือ MSTF เป็น บริษัท เอเจนซี่โฆษณาโลคอล ประเทศพม่า เปิดเผยว่า ตลาดเอเจนซี่โฆษณาในพม่าเพิ่งเริ่มมาได้ราว 20 ปี ซึ่งยังมีมูลค่าตลาดไม่สูงมากนัก แต่หลังจากปีที่ผ่านมาที่พม่ามีนโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้ตลาดเอเจนซี่โฆษณามีแนวเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากกลุ่มสินค้าต่างๆมีแผนเข้ามาลงทุนและทำตลาดค่อนข้างสูง
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าของทางยูนิลีเวอร์จากเดิมที่มีสินค้ามาทำตลาดบ้างแล้ว ในปีนี้พบว่ามีการอัดงบการตลาดเพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น คิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากกลุ่มสินค้าข้ามชาติดังกล่าวแล้ว ในส่วนของสินค้าแบรนด์ไทย และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนก็มีความสนใจเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นจากเดิมที่ฟาร์อีสฯเข้ามารุกในตลาดนี้ พร้อมๆกับได้เข้ามาร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท ฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป (FMC Group) เพื่อเพิ่มโนว์ฮาวให้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ปี 2539 ที่ผ่านมา โดยทาง FMC Group ถือหุ้นมากกว่า ทำให้ฟาร์อีสฯเปลี่ยนชื่อมาเป็น เมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง อย่างในปัจจุบัน ต้องมีการปรับแผนรับมือกับการแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงในอนาคตอันใกล้
โดยจะมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพของบุคคลากร พร้อมเปิดรับพนักงานจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานให้มากขึ้น รวมถึงเปิดรับพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ นอกจากในกลุ่ม FMC Group เข้ามาร่วมสร้างความแข็งแกร่ง และรักษาความเป็นท็อป 3 ในตลาดเอเจนซี่โฆษณาในพม่าต่อไป โดยปีนี้จะให้ความสำคัญกับบริการทางด้านเมอร์ชันไดซ์ และโซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ให้บริการแบบครบวงจรอยู่แล้ว
นายวิลเลียม เพา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในแง่ของจำนวนลูกค้านั้น จะเน้นเพิ่มฐานลูกค้าในไทยให้มากยิ่งขึ้น พร้อมขยายสู่แบรนด์สินค้าข้ามชาติอย่าง พีแอนด์จีหรือยูนิลีเวอร์ด้วย จากปัจจุบัน ลูกค้าหลักกว่า 60% จะเป็นลูกค้าโลคอลจากประเทศไทย เช่น เซเรบอส ดั๊บเบิลเอ เป็นต้น และอีก 40% เป็นกลุ่มสินค้าแบรนด์รีจีนอลในประเทศต่างๆในเอเชีย ทั้งใน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงพม่า
ทั้งนี้มูลค่าตลาดโฆษณาในพม่าในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 77.8 ล้านเหรียฐสหรัฐ มาจากสื่อโทรทัศน์ 58% หนังสือพิมพ์แท็ปลอยด์ของเอกชนเสนอข่าวแบบนีช (journal) 22% หนังสือพิมพ์ของรัฐบาล 8% นิตยสาร 7% เอาท์ดอร์ 55 ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตได้ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมองว่าในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ตลาดจะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดราว 30-50%ทุกปี เนื่องจากการที่พม่าเปิดประเทศ จะมีบริษัทเอเจนซี่เข้ามาลงทุนรองรับลูกค้าที่เข้ามาทำตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่าจะได้เห็นหลายราย ซึ่งอาจจะเข้ามาทั้งแบบร่วมทุน และแบบเทคโอเวอร์ ซึ่งรัฐบาลของพม่าอนุญาติให้บริษัทต่างชาติเหล่านี้เข้ามาลงทุนเปิดบริษัทในพม่าได้ โดยสามารถถือหุ้นได้ตั้งแต่ 35-100%
ขณะที่ปัจจุบันในพม่ามีบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแบบครบวงจรเพียง 6 รายหลัก และทุกรายเป็นบริษัทโลคอลทั้งหมด โดยมี 3 บริษัทครองส่วนแบ่งในตลาดกว่า 90% คือ1. แมงโก้ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มยูนิลีเวอร์ 2. MSTF และ3.ฟิวเจอร์ คอมฯ ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการใช้เงินโฆษณามากสุด คือ ยา และเครื่องดื่ม
นายจอห์น ลิม ประธานบริษัท เมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด หรือ MSTF เป็น บริษัท เอเจนซี่โฆษณาโลคอล ประเทศพม่า เปิดเผยว่า ตลาดเอเจนซี่โฆษณาในพม่าเพิ่งเริ่มมาได้ราว 20 ปี ซึ่งยังมีมูลค่าตลาดไม่สูงมากนัก แต่หลังจากปีที่ผ่านมาที่พม่ามีนโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้ตลาดเอเจนซี่โฆษณามีแนวเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากกลุ่มสินค้าต่างๆมีแผนเข้ามาลงทุนและทำตลาดค่อนข้างสูง
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าของทางยูนิลีเวอร์จากเดิมที่มีสินค้ามาทำตลาดบ้างแล้ว ในปีนี้พบว่ามีการอัดงบการตลาดเพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น คิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากกลุ่มสินค้าข้ามชาติดังกล่าวแล้ว ในส่วนของสินค้าแบรนด์ไทย และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนก็มีความสนใจเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นจากเดิมที่ฟาร์อีสฯเข้ามารุกในตลาดนี้ พร้อมๆกับได้เข้ามาร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท ฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป (FMC Group) เพื่อเพิ่มโนว์ฮาวให้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ปี 2539 ที่ผ่านมา โดยทาง FMC Group ถือหุ้นมากกว่า ทำให้ฟาร์อีสฯเปลี่ยนชื่อมาเป็น เมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง อย่างในปัจจุบัน ต้องมีการปรับแผนรับมือกับการแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงในอนาคตอันใกล้
โดยจะมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพของบุคคลากร พร้อมเปิดรับพนักงานจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานให้มากขึ้น รวมถึงเปิดรับพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ นอกจากในกลุ่ม FMC Group เข้ามาร่วมสร้างความแข็งแกร่ง และรักษาความเป็นท็อป 3 ในตลาดเอเจนซี่โฆษณาในพม่าต่อไป โดยปีนี้จะให้ความสำคัญกับบริการทางด้านเมอร์ชันไดซ์ และโซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ให้บริการแบบครบวงจรอยู่แล้ว
นายวิลเลียม เพา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในแง่ของจำนวนลูกค้านั้น จะเน้นเพิ่มฐานลูกค้าในไทยให้มากยิ่งขึ้น พร้อมขยายสู่แบรนด์สินค้าข้ามชาติอย่าง พีแอนด์จีหรือยูนิลีเวอร์ด้วย จากปัจจุบัน ลูกค้าหลักกว่า 60% จะเป็นลูกค้าโลคอลจากประเทศไทย เช่น เซเรบอส ดั๊บเบิลเอ เป็นต้น และอีก 40% เป็นกลุ่มสินค้าแบรนด์รีจีนอลในประเทศต่างๆในเอเชีย ทั้งใน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงพม่า
ทั้งนี้มูลค่าตลาดโฆษณาในพม่าในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 77.8 ล้านเหรียฐสหรัฐ มาจากสื่อโทรทัศน์ 58% หนังสือพิมพ์แท็ปลอยด์ของเอกชนเสนอข่าวแบบนีช (journal) 22% หนังสือพิมพ์ของรัฐบาล 8% นิตยสาร 7% เอาท์ดอร์ 55 ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตได้ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมองว่าในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ตลาดจะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดราว 30-50%ทุกปี เนื่องจากการที่พม่าเปิดประเทศ จะมีบริษัทเอเจนซี่เข้ามาลงทุนรองรับลูกค้าที่เข้ามาทำตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่าจะได้เห็นหลายราย ซึ่งอาจจะเข้ามาทั้งแบบร่วมทุน และแบบเทคโอเวอร์ ซึ่งรัฐบาลของพม่าอนุญาติให้บริษัทต่างชาติเหล่านี้เข้ามาลงทุนเปิดบริษัทในพม่าได้ โดยสามารถถือหุ้นได้ตั้งแต่ 35-100%
ขณะที่ปัจจุบันในพม่ามีบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแบบครบวงจรเพียง 6 รายหลัก และทุกรายเป็นบริษัทโลคอลทั้งหมด โดยมี 3 บริษัทครองส่วนแบ่งในตลาดกว่า 90% คือ1. แมงโก้ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มยูนิลีเวอร์ 2. MSTF และ3.ฟิวเจอร์ คอมฯ ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการใช้เงินโฆษณามากสุด คือ ยา และเครื่องดื่ม