xs
xsm
sm
md
lg

“P&G”ยาหอมไทยปั้นฐานผลิตรับAEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “พีแอนด์จี” ยาหอมประเทศไทย เป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคนี้ พร้อมผลักดันบทบาทไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญมากขึ้นป้อนตลาดย่านนี้ เพื่อรองรับการเปิดเออีซี ในปี 2558

นายราอูล ฟอลคอน กรรมการผู้จัดการ พีแอนด์จี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์แห่งหนึ่งของพีแอนด์จีในภูมิภาคนี้ และจะเพิ่มบทบาทฐานผลิตในประเทศไทย เมื่ออาเซียนรวมกันเป็นตลาดเดียวภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ที่มีประชากรรวมกันเกือบ 600 ล้านคนในเวลาอีกเพียงสามปีจากนี้

ไทยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจตลาดกำลังพัฒนาของพีแอนด์จี โดยความสำคัญของตลาดส่วนนี้ต่อธุรกิจ พีแอนด์จีทั่วโลกกำลังเพิ่มทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตลาดกำลังพัฒนามีสัดส่วนเพียง 27% ของยอดขายทั่วโลก แต่เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 35% ในรอบปีบัญชีปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานของพีแอนด์จีที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์เป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาคที่ผลิตสินค้ากลุ่มดูแลเส้นผมและดูแลผิวส่งออกไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก นับเป็นมูลค่าส่งออกกว่า 25,000 ล้านบาทต่อปี

ขณะที่ผลการวิจัยตลาดของเอซีนีลเส็น (ม.ค.-ต.ค. 2554) แบรนด์สินค้าของพีแอนด์จี โดยเฉพาะดาวน์นี่ โอเลย์ แพนทีน และเฮดแอนด์โชว์เดอร์มีส่วนแบ่งในตลาดประเทศไทยเพิ่มขึ้น

ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นตลาดที่กำลังขยายตัวและมีการแข่งขันกันอย่างคึกคักในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยมีการเติบโตในอัตรา 20% ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มในประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์) โดยมีดาวน์นี่เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ขับเคลื่อนการเติบโตในเอเชีย

ธุรกิจของโอเลย์ในประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของไทยยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีสัดส่วนกว่า 40% ของภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด

ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แบรนด์ของพีแอนด์จีในประเทศไทยมีการเติบโตในอัตรา 9% ในปี 2554 ครีมนวดผมแพนทีนในประเทศไทยเป็นผู้นำในอาเซียน โดยมีสัดส่วน 40% ของตลาดครีมนวดผมโดยรวมในอาเซียน ในขณะที่เฮดแอนด์โชว์เดอร์ก็มีตลาดที่ใหญ่ในประเทศไทย โดยคิดเป็น 42% ของตลาดอาเซียนโดยรวม ในขณะที่มีการเติบโตในอัตราเกือบ 15%

ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมและทรีทเมนต์ โดยมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของตลาดอาเซียนโดยรวม และมีการเติบโตในอัตรา 14%

นายฟอลคอน กล่าวว่า พีแอนด์จีลงทุนไปในการวิจัยและพัฒนาทั่วโลกปีละกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 6 หมื่นล้านบาท) โดยนับแต่ปี 2539 พีแอนด์จีมีสินค้า 132 ผลิตภัณฑ์อยู่ในรายชื่อสินค้า Pacesetters 25 อันดับแรก ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุด 6 รายรวมกัน

เอเชียกำลังกลายเป็นแหล่งกำเนิดนวัตกรรมใหม่ๆ ของพีแอนด์จีที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน พีแอนด์จีมีศูนย์นวัตกรรมระดับโลกในทวีปเอเชียอยู่แล้ว 4 แห่ง โดยตั้งอยู่ในปักกิ่ง โกเบ สิงคโปร์ และ บังกาลอร์

นายฟอลคอน กล่าวว่า ทุกวันนี้ มีผลิตภัณฑ์ของพีแอนด์จีอยู่ 24 แบรนด์ที่ทำยอดขายต่อปีได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท อาทิ แพนทีน เฮดแอนด์โชว์เดอร์ โอเลย์ เวลล่า บราวน์ ฟิวชั่น ยิลเลตต์ มัค3 ออรัล-บี ดาวน์นี่ ดูราเซล เฟบรีซ แอมบิเพอร์ แพมเพอร์ส เป็นต้น ซึ่งหลายแบรนด์เหล่านี้ ได้นำสู่ผู้บริโภคในตลาดประเทศไทยด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น