xs
xsm
sm
md
lg

PSมั่นใจแนวราบรุ่ง เม.ย.ขึ้นราคา3-5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

PS ฟุ้งรักษาแชมป์อสังหาฯ ปี 54 ไว้ได้ แม้เจออุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ฉุดยอดขายหลุดเป้า ลั่นปี55ยันเกาะตำแหน่งผู้นำเหนียวแน่น เผยหลังเม.ย.ขึ้นราคาบ้าน 3-5% เหตุต้นทุนขยับขึ้นแล้ว 5% "เศรษฐา ทวีสิน" ผู้ท้าชิง! ระบุผลจัดงานขายเพียง 3 วัน ปั๊มยอดกว่า 3,700 ล้าน รื้อเป้าไตรมาสแรกเป็น 11,000 ล้าน เกทับยอดขายล่วงหน้าสูงสุดในระบบแล้ว 41,000 ล้านบาท LPN รายได้หลักพุ่ง12,300 ล้าน "บิ๊กธนาพัฒน์"ชี้ราคาอสังหาฯปรับขึ้น 5% ตามภาวะต้นทุน

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 54 ที่ผ่านมา มียอดขาย 25,554 ล้านบาท ลดลง 34% จากปี 53 ที่มียอดขาย 38,752 ล้านบาท ขณะที่ รายได้ในปี 54 อยู่ที่ 23,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 53 ที่มีจำนวน 23,407 ล้านบาท

ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,835 ล้านบาท ลดลง 19% จากปี 53 ที่มีจำนวน 3,488 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอนทั้งปีอยู่ที่ 23,231 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 4/54 อยู่ที่ 4,659 ล้านบาท เนื่องมาจากสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ เฉพาะไตรมาส 4/54 บริษัทมียอดจองเพียง 235 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทได้ใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงโครงการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวม 49 โครงการ และนำกลับมาขายใหม่ แต่ยังคงราคาขายเดิมเอาไว้เพราะถือว่าถูกหากเทียบกับต้นทุนก่อสร้างใหม่ที่ปรับขึ้นไปสูงแล้ว

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 55 ในไตรมาส 1 ยังคงชะลอตัวเนื่องจากความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม แต่เชื่อว่าในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปีความต้องการซื้อจะกลับสู่ภาวะปกติ โดยในครึ่งปีแรกโครงการประเภทแนวสูงจะได้รับความนิยมค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 55 ตลาดแนวราบจะกลับมาทั้งกำลังซื้อและการเปิดตัวของผู้ประกอบการ เนื่องจากปัจจุบันตลาดแนวราบสามารถทำรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการได้มากกว่าตลาดแนวสูง

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาฯ กล่าวว่า จากยอดขายในปี 54 จำนวน 25,554 ล้านบาท ทำให้พฤกษา รักษาอันดับ1 ในวงการอสังหาฯและถือเป็นการครองตำแหน่งถึง 3 ปีซ้อน แม้ว่าจะประสบกับภัยน้ำท่วม โดยพบว่าตลาดบ้านเดี่ยว และคอนโดฯมีการชะลอตัวมากสุดคือ 70% ขณะที่ทาวน์เฮาส์มีการชะลอตัว 55-60% ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าส่วนใหญ่ของทาวน์เฮาส์จะเป็นกลุ่มซื้อเพื่ออยู่จริงและมีความจำเป็นต้องซื้อ โดยจะมีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

ในปี 55 นี้บริษัทจะยังคงรักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 29,295 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากสินค้าประเภททาวน์เฮาส์ 54% หรือ 15,877 ล้านบาท , บ้านเดี่ยว 30% หรือ 8,833 ล้านบาท , คอนโด 13% หรือ 3,695 ล้านบาท และจากโครงการในต่างประเทศ 3% หรือ 890 ล้านบาท ปัจจุบัน พฤกษา มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ในมือแล้ว 32,993 ล้านบาท

ทั้งนี้ Backlog จำนวน 32,993 ดังกล่าวจะสามารถรับรู้ได้ในปีนี้จำนวน 19,510 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี จึงทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้อย่างแน่นอน ส่วนจำนวนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 56 จำนวน 10,365 ล้านบาท และในปี 57 อีกจำนวน 3,118 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากยอดขายในปี 54 ที่ผ่านมาจะพบว่า กว่า 52% เป็นยอดขายจากที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-3 ล้านบาท รองลงมาเป็นบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท 22%, ราคาเกินกว่า 5 ล้านบาท 14% และราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีเพียง 12% ขณะที่ราคาบ้านของบริษัทในปี 54 เฉลี่ย 1.91 ล้านบาท/ยูนิต ปรับขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 53 ที่มีราคาเฉลี่ย 1.82 ล้านบาท

***จ่อผุดโครงการเพิ่มในอินเดีย
ด้านการลงทุนในต่างประเทศนั้น ในส่วนของมัลดีฟส์ที่เป็นโครงการคอนโดฯสูง 5 ชั้น 9 อาคาร ขณะนี้สร้างเสร็จแล้ว 6 อาคาร อีก 3 อาคารจะแล้วเสร็จในปี 55 นี้ ณ สิ้นเดือนมกราคม 55 มียอดโอนแล้ว 50 ยูนิต มูลค่า 128 ล้านบาท ซึ่งภายหลังเสร็จโครงการนี้บริษัทจะถอดตัวออกมาทันที , โครงการแนวราบเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ณ สิ้นเดือนมกราคม 55 มียอดโอนแล้ว 6 หลัง มูลค่า 18 ล้านบาท ซึ่งชะลอตัวไปเมื่อกลางปี 54 เนื่องจากขอเปลี่ยนใบอนุญาตจัดสรรใหม่ โดยปรับแปลนจากทาวน์เฮาส์เป็นบ้านเดี่ยว เนื่องจากในบังกาลอร์บ้านเดี่ยวได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยในปี 55 นี้จะรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 แปลง

ส่วนโครงการที่เวียดนามที่เคยมีปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดินบางส่วนนั้น ขณะนี้ทางบริษัทได้ตัวสินใจยกเลิกที่ดินบางส่วนออก ซึ่งจะทำให้โครงการโดยรวมมีพื้นที่ลดลงประมาณ 10% แต่จะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินการเริ่มต้นปลูกสร้างได้ทันทีในช่วงกลางปี 55 นี้

***ออกหุ้นกู้3-5พันล.เร็วกว่ากำหนด
ด้านนายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท พฤกษา เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 3,000-5,000 ล้านบาทในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมที่จะเสนอขายในช่วง มิ.ย.-ก.ค. เนื่องจากภาวะตลาดในช่วงนี้เอื้อต่อการเสนอขายหุ้นกู้และได้รับประโยชน์อัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าจะออกหุ้นกู้อายุ 3-5 ปี อัตราดอกเบี้ยกว่า 4% ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเกี่ยวกับความเหมาะสมในการกำหนดวงเงิน

ทั้งนี้การออกหุ้นกู้ดังกล่าวเพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบอายุ และจัดโครงสร้างทางการเงินให้หนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว 3-5 ปีมากขึ้น ส่วนหนี้ระยะสั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี นอกจากนั้น บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างภายในเพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะยอมรับว่าต้นทุนที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายบ้าน 3-5% ซึ่งเป็นการทยอยปรับตามต้นทุนที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 5% และเชื่อว่าจะทำให้อัตรากำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 15-16% กลับไปเท่ากับปี 50 จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 12%

***แสนสิริฯปรับเป้าQ1เป็น1.1หมื่นล.
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวสรุปภาพรวมการจัดงาน Sansiri Life Comes Home ระหว่างวันที่ 17 – 19 ก.พ.ที่ผ่านมา สร้างยอดขายคิดเป็นมูลค่าขายรวมกว่า 3,700 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายยอดขายรวมภายในงานเดิมซึ่งตั้งไว้ 2,200 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดฯได้รับความนิยมสูงสุด ขณะที่ยอดขายรวมในขณะนี้(1ม.ค.-20 ก.พ.55) คิดเป็นมูลค่า 8,500 ล้านบาท ทำให้ต้องปรับเป้าขายในไตรมาสแรกจากเดิม 10,000 ล้านบาท เป็น 11,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในประวัติการณ์การตั้งเป้าหมายยอดขายต่อไตรมาสของแสนสิริภายในช่วงไตรมาสเดียว

“ในไตรมาสแรกทางบริษัทจะเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 3 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลจากการขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้ในอีก 1-3 ปี สูงถึงประมาณ 41,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายล่วงหน้าที่สูงที่สุดในระบบในขณะนี้ ” นายเศรษฐา กล่าว

****LPNโชว์ยอดขายคอนโดฯพุ่ง
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 54 ว่า บริษัทฯ บริษัทย่อยและบริษัทร่วม มีรายได้หลัก 12,335.27 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน 24.09% และมีกำไรสุทธิ(ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) 1,917.26 ล้านบาท สูงขึ้น 17.12% โดยสาเหตุหลักมาจาก รายได้จาการขายเพิ่มขึ้น 2,358.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.37% รายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 39.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.15% กำไรจากส่วนได้เสียเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 43.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.28%

***ขึ้นเงินเดือน-ค่าแรงเห็นผลดันกำลังซื้อ
นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP กล่าวว่าตลาดอสังหาฯในไตรมาส 2 ปี 55 จะได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการการปรับเงินเดือนพนักงานที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท ที่ทยอยขึ้นให้กับข้าราชการและคาดว่าในส่วนภาคเอกชนจะปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานด้วยเช่นกัน ประกอบกับค่าจ้างรายวันวันละ 300 บาทน่าจะทยอยปรับขึ้นในช่วงเดียวกัน รวมถึงจากการที่รัฐบาลเริ่มมีท่าทีที่ชัดเจนในเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเรียกความเชื่อมั่นในทุกๆ ด้านกลับคืนมา

" ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ แนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5 % ตามราคาวัสดุก่อสร้างที่ทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนราคาเหล็ก "
กำลังโหลดความคิดเห็น