กระทิงแดงรุกรับจัดจำหน่ายเต็มสูบ ดัน “เดอเบล” รับสินค้านอกเครือ เป้าหมาย 5 ปีสัดส่วน 50% หวังปีนี้รายได้รวมเดอเบล 12,000 ล้านบาท เดินหน้าคุยรายใหญ่คว้างานพื้นที่ภูมิภาค ประเดิมคว้าสิทธิ์พีแอนด์จี ภาคตะวันออก
นายอดิสร ลิ้มณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอเบล จำกัด บริษัทจัดจำหน่ายในเครือกระทิงแดงกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายธุรกิจการรับจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคนอกเครือกระทิงแดงในปีนี้อย่างจริงจังหลังจากที่ดำเนินธุรกิจมาครบ 10 ปี โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ภายใน 5 ปีจากนี้ เป็นสินค้าในเครือ 50% สินค้านอกเครือ 50% รวมทั้งจะผลักดันบริษัทให้เป็นผู้นำ1 ใน 3 ของธุรกิจจัดจำหน่ายในไทยในแง่ท็อปออฟไมนด์ ซึ่งรายใหญ่ในปัจจุบัน คือ ดีเคเอสเอช สหพัฒน์ แมสมาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น
ขณะที่ตลาดต่างประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะขยายธุรกิจด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ศึกษาตลาดที่เวียดนามมานานแล้ว 2 ปี แต่หลังจากที่เวียดนามลดค่าเงินด่องของเวียดนาม จึงได้ชะลอไปก่อน ทั้งนี้รูปแบบของการจัดจำหน่ายจะมีทั้งการรับทั่วประเทศและรายภูมิภาค เนื่องจากบริษัทมีความแข็งแกร่งและมีความพร้อมในแง่ของการมีบริษัทย่อยกระจายอยู่รวม 12 แห่ง และสำนักงานใหญ่อีก 1 แห่ง ทำให้มีความเชี่ยวชาญในแต่ละพื้นที่ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้ดี และยังมีความเป็นเอกเทศในการรับลูกค้าในท้องถิ่นเองได้ด้วย
สำหรับงบลงทุนปีนี้คาดว่าจะใช้ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อซื้อรถขนส่งอีซูซุอีกรวม 300 คันและขยายคลังสินค้าย่อยอีกที่ภาคอีสาน ภาคกลาง การย้ายคลังเดิมอีก 2 ที่ คือ จันทบุรีและภูเก็ต
จากปัจจุบันที่มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ และสาขาย่อย 12 แห่ง คือ ภาคเหนือ ที่เชียงใหม่,พิษณุโลก, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา, ภาคกลางที่ปทุมธานี, ลพบุรี นครปฐม, ภาคใต้ที่สุราษฏร์ธานี สงขลา และมีคลังสินค้าสำรองที่ ปิ่นเกล้า บางนา เชียงราย นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น จันทบุรี สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช และภูเก็ต โดยรวมแล้วมี 23คลังสินค้า ใน 19 จังหวัด ความจุคลังสินค้ารวม 28,000 พาเลท และมีรถขนส่งจำนวน 360 คัน มีพนักงาน 1,250 คน ซึ่งจัดส่งสินค้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 วัน ซึ่งปีที่แล้วส่งได้รวม 35.8 ล้านลัง
ขณะที่ช่องทางร้านค้าที่บริษัทสามารถเข้าถึงได้นั้น ปัจจุบันครอบคลุมร้านค้าโมเดิร์เทรดขนาดใหญ่ทั้งหมด และร้านโมเดิร์นเทรดท้องถิ่นกับร้านค้าส่งมากกว่า 4,200 ร้านค้า ซึ่งแอคทีฟสั่งซื้อสินค้าประจำมากกว่า 3,700 ร้านค้า และร้านค้าปลีกทั่วไป 100,000 ร้านค้าซึ่งมีร้านค้าแอคทีฟสั่งซื้อสินค้ามากกว่า 90,000 ร้านค้า
ปัจุบันมีสินค้าที่จัดจำหน่ายเป็นของเครือกระทิงแดงทั้งหมดเป็นหลัก เช่น เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ซูเปอร์ลูกทุ่ง เรดบูลเอ็กซ์ตร้า เรดดี้ เครื่องดื่มเกลือแร่สปอนเซอร์ ชาพร้อมดื่มเพียวริคุ ขนมซันสแน็ก ด้วยสัดส่วนรายได้ 90% ของปีที่แล้ว ส่วนสินค้านอกเครือที่เริ่มบ้างแล้วเช่น บริษัท นานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด สินค้าคือเจเล่ไลท์ เจเล่บิวตี้ เมจิกฟาร์ม เบนโตะ, บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด สินค้าโอวัลติน, บริษัท ทรัพย์อนันต์ จำกัด สินค้ากาแฟเพรียว, บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เฉพาะเขตชลบุรี และ 5 จังหวัดในภาคตะวันออก รวมสินค้ามากกว่า 600 เอสเคยู โดยมีสัญญา 2 ปี
“โมเดลของการรับจัดจำหน่ายภูมิภาคหรือรายพื้นที่นั้น เริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามามากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันนี้เองจะเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่จะว่าจ้างบริษัทท้องถิ่นรับจัดจำหน่ายให้มากขึ้น ซึ่งอีก 2 เดือนจากนี้ก็จะมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาติดต่ออย่างน้อย 2 ราย ที่ให้จัดจำหน่ายเฉพาะรายภูมิภาคด้วย”
สำหรับการขยายธุรกิจครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ในเครือ 80% และนอกเครือ 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 10,169 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ในเครือ 90% และนอกเครือ 10% ส่วนปี 2553 มีรายได้รวม 8,400 ล้านบาท โดยมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 2,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนทรัพย์สินต่อหนี้สินเป็น 1 ต่อ 0.57 ขณะที่ภาพรวมของรายได้กระทิงแดงกรุ๊ปปีนี้จะมีประมาณ 30,000 ล้านบาท สัดส่วนธุรกิจเครื่องดื่ม 8,000 ล้านบาท ส่งออก 10,000 ล้านบาท และบริษัทเดอเบล 12,000 ล้านบาท
นายอดิสร ลิ้มณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอเบล จำกัด บริษัทจัดจำหน่ายในเครือกระทิงแดงกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายธุรกิจการรับจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคนอกเครือกระทิงแดงในปีนี้อย่างจริงจังหลังจากที่ดำเนินธุรกิจมาครบ 10 ปี โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ภายใน 5 ปีจากนี้ เป็นสินค้าในเครือ 50% สินค้านอกเครือ 50% รวมทั้งจะผลักดันบริษัทให้เป็นผู้นำ1 ใน 3 ของธุรกิจจัดจำหน่ายในไทยในแง่ท็อปออฟไมนด์ ซึ่งรายใหญ่ในปัจจุบัน คือ ดีเคเอสเอช สหพัฒน์ แมสมาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น
ขณะที่ตลาดต่างประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะขยายธุรกิจด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ศึกษาตลาดที่เวียดนามมานานแล้ว 2 ปี แต่หลังจากที่เวียดนามลดค่าเงินด่องของเวียดนาม จึงได้ชะลอไปก่อน ทั้งนี้รูปแบบของการจัดจำหน่ายจะมีทั้งการรับทั่วประเทศและรายภูมิภาค เนื่องจากบริษัทมีความแข็งแกร่งและมีความพร้อมในแง่ของการมีบริษัทย่อยกระจายอยู่รวม 12 แห่ง และสำนักงานใหญ่อีก 1 แห่ง ทำให้มีความเชี่ยวชาญในแต่ละพื้นที่ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้ดี และยังมีความเป็นเอกเทศในการรับลูกค้าในท้องถิ่นเองได้ด้วย
สำหรับงบลงทุนปีนี้คาดว่าจะใช้ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อซื้อรถขนส่งอีซูซุอีกรวม 300 คันและขยายคลังสินค้าย่อยอีกที่ภาคอีสาน ภาคกลาง การย้ายคลังเดิมอีก 2 ที่ คือ จันทบุรีและภูเก็ต
จากปัจจุบันที่มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ และสาขาย่อย 12 แห่ง คือ ภาคเหนือ ที่เชียงใหม่,พิษณุโลก, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา, ภาคกลางที่ปทุมธานี, ลพบุรี นครปฐม, ภาคใต้ที่สุราษฏร์ธานี สงขลา และมีคลังสินค้าสำรองที่ ปิ่นเกล้า บางนา เชียงราย นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น จันทบุรี สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช และภูเก็ต โดยรวมแล้วมี 23คลังสินค้า ใน 19 จังหวัด ความจุคลังสินค้ารวม 28,000 พาเลท และมีรถขนส่งจำนวน 360 คัน มีพนักงาน 1,250 คน ซึ่งจัดส่งสินค้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 วัน ซึ่งปีที่แล้วส่งได้รวม 35.8 ล้านลัง
ขณะที่ช่องทางร้านค้าที่บริษัทสามารถเข้าถึงได้นั้น ปัจจุบันครอบคลุมร้านค้าโมเดิร์เทรดขนาดใหญ่ทั้งหมด และร้านโมเดิร์นเทรดท้องถิ่นกับร้านค้าส่งมากกว่า 4,200 ร้านค้า ซึ่งแอคทีฟสั่งซื้อสินค้าประจำมากกว่า 3,700 ร้านค้า และร้านค้าปลีกทั่วไป 100,000 ร้านค้าซึ่งมีร้านค้าแอคทีฟสั่งซื้อสินค้ามากกว่า 90,000 ร้านค้า
ปัจุบันมีสินค้าที่จัดจำหน่ายเป็นของเครือกระทิงแดงทั้งหมดเป็นหลัก เช่น เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ซูเปอร์ลูกทุ่ง เรดบูลเอ็กซ์ตร้า เรดดี้ เครื่องดื่มเกลือแร่สปอนเซอร์ ชาพร้อมดื่มเพียวริคุ ขนมซันสแน็ก ด้วยสัดส่วนรายได้ 90% ของปีที่แล้ว ส่วนสินค้านอกเครือที่เริ่มบ้างแล้วเช่น บริษัท นานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด สินค้าคือเจเล่ไลท์ เจเล่บิวตี้ เมจิกฟาร์ม เบนโตะ, บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด สินค้าโอวัลติน, บริษัท ทรัพย์อนันต์ จำกัด สินค้ากาแฟเพรียว, บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เฉพาะเขตชลบุรี และ 5 จังหวัดในภาคตะวันออก รวมสินค้ามากกว่า 600 เอสเคยู โดยมีสัญญา 2 ปี
“โมเดลของการรับจัดจำหน่ายภูมิภาคหรือรายพื้นที่นั้น เริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามามากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันนี้เองจะเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่จะว่าจ้างบริษัทท้องถิ่นรับจัดจำหน่ายให้มากขึ้น ซึ่งอีก 2 เดือนจากนี้ก็จะมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาติดต่ออย่างน้อย 2 ราย ที่ให้จัดจำหน่ายเฉพาะรายภูมิภาคด้วย”
สำหรับการขยายธุรกิจครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ในเครือ 80% และนอกเครือ 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 10,169 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ในเครือ 90% และนอกเครือ 10% ส่วนปี 2553 มีรายได้รวม 8,400 ล้านบาท โดยมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 2,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนทรัพย์สินต่อหนี้สินเป็น 1 ต่อ 0.57 ขณะที่ภาพรวมของรายได้กระทิงแดงกรุ๊ปปีนี้จะมีประมาณ 30,000 ล้านบาท สัดส่วนธุรกิจเครื่องดื่ม 8,000 ล้านบาท ส่งออก 10,000 ล้านบาท และบริษัทเดอเบล 12,000 ล้านบาท