กรมการท่องเที่ยวปัดฝุ่นโครงการ TSA ตั้งงบ 50 ล้านบาท บูรณาการด้านตัวเลขสถิติให้ทันรับ AEC ล่าสุดเล็งเปิด TOR หาผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการ ขณะที่ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยันโครงการอีลิทต้องเดินหน้าตามนโยบายรัฐ เผยปีงบประมาณ 2556 บรรจุเงินชำระค่าทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาทส่วนที่ยังค้างอยู่ให้ ททท.เรียบร้อยแล้ว
นายสุพล ศรีพันธ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2556 ได้จัดสรรเงิน 50 ล้านบาทเพื่อจัดทำระบบข้อมูลสถิติด้านท่องเที่ยวอย่างเป็นมาตรฐาน ภายใต้โครงการทัวริสซึมแซตเทลไลต์แอ็กเคานต์ หรือ TSA เป็นโครงการต่อเนื่องระยะ 2 ปี คือปี 2556-2557 เริ่มจากการจัดทำระบบฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จในปี 2556 และในปี 2557 จะเริ่มทดสอบระบบ มั่นใจว่า
จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เบื้องต้นเตรียมร่าง TOR เพื่อเปิดหาผู้สนใจที่จะเข้ามาทำโครงการนี้ โดยจะต้องมีคุณสมบัติเป็นองค์กรหรือบริษัทที่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ และสถิติ
โครงการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยกรมฯ มีแนวคิดที่จะดำเนินการมานานเกือบ 5 ปี แล้วแต่ขาดในเรื่องของงบประมาณจึงไม่สามารถทำได้ ซึ่งประโยชน์ของ TSA นี้จะช่วยให้ทราบถึงเส้นทางการไหลเวียนของเงินในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวว่าเมื่อเข้าสู่ประเทศไทยแล้วจะกระจายออกไปยังพื้นที่ใดชุมชนใดบ้าง จึงจะเป็นดัชนีชี้วัดการไหลเวียนของรายได้จากอุตสาหกรรมนี้ว่าเกิดประโยชน์อย่างไร และยังเป็นข้อมูลที่จะใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน โครงการนี้จะเข้ามาเสริมศักยภาพความรวดเร็วในการจัดเก็บสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
****ทศวรรษใหม่มุ่งเป็นที่หนึ่ง****
นายสุพลยังกล่าวในโอกาสครบรอบ 10 ปี กรมการท่องเที่ยวว่า วิสัยทัศน์ของกรมฯ ที่จะดำเนินงานต่อไปในทศวรรษหน้าจะมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยให้เป็นอันดับ 1 ในด้านรายได้และจำนวน โดยแผนระยะสั้นก่อนที่จะเปิดเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะต้องเร่งพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องของความชำนาญในภาษาต่างประเทศ อย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย รวมถึงภาษาอาเซียน เช่นมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยจะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, สนับสนุนประเทศไทยเป็นฟิล์มโลเกชันเดสติเนชัน ตลอดจนการยกระดับคุณภาพการบริการ นอกจากนั้นยังเร่งพัฒนาและวางรากฐานมาตรฐานโฮมสเตย์เพราะเป็นแหล่งรายได้เสริมให้แก่ชุมชน ตั้งเป้าปีนี้จะมีโฮมสเตย์ได้รางวัลมาตรฐานรวม 300 ราย เพิ่มเกือบเท่าตัวจากปีก่อนซึ่งมี 180 ราย
****ชำระค่าทุนจดทะเบียน 500 ลบ.ในงบ ททท.****
ด้านนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ล่าสุดได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ วุฒิสภาถึงความจำเป็นที่จะต้องฟื้นโครงการไทยแลนด์อีลิทการ์ด เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป
ฉะนั้น สิ่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัทดังกล่าว จะต้องให้ ททท.เร่งจัดทำแผนธุรกิจให้อยู่บนเหตุและผลของความเป็นไปได้ มีความน่าเชื่อถือ อุดรอยรั่วที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับมีแผนสร้างแรงจูงใจให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่จะมาซื้อ รวมถึงแผนการทำตลาด
“การจัดทำแผนธุรกิจอาจล่าช้ากว่ากำหนดที่ตั้งไว้ 2 เดือน โดยหากวงเงิน 20 ล้านบาทที่ ครม.อนุมัติให้บริษัทนำไปใช้จ่ายระหว่างการรอแผนธุรกิจใหม่หมดลง ก็ยังมีเงินทุนจดทะเบียนที่นำมาใช้ต่อได้ เพราะล่าสุดได้บรรจุวงเงิน 500 ล้านบาทที่เป็นทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังค้างอยู่ไว้ในงบประมาณประจำปี 2556 ของ ททท.เรียบร้อยแล้ว ”
นายสุพล ศรีพันธ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2556 ได้จัดสรรเงิน 50 ล้านบาทเพื่อจัดทำระบบข้อมูลสถิติด้านท่องเที่ยวอย่างเป็นมาตรฐาน ภายใต้โครงการทัวริสซึมแซตเทลไลต์แอ็กเคานต์ หรือ TSA เป็นโครงการต่อเนื่องระยะ 2 ปี คือปี 2556-2557 เริ่มจากการจัดทำระบบฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จในปี 2556 และในปี 2557 จะเริ่มทดสอบระบบ มั่นใจว่า
จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เบื้องต้นเตรียมร่าง TOR เพื่อเปิดหาผู้สนใจที่จะเข้ามาทำโครงการนี้ โดยจะต้องมีคุณสมบัติเป็นองค์กรหรือบริษัทที่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ และสถิติ
โครงการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยกรมฯ มีแนวคิดที่จะดำเนินการมานานเกือบ 5 ปี แล้วแต่ขาดในเรื่องของงบประมาณจึงไม่สามารถทำได้ ซึ่งประโยชน์ของ TSA นี้จะช่วยให้ทราบถึงเส้นทางการไหลเวียนของเงินในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวว่าเมื่อเข้าสู่ประเทศไทยแล้วจะกระจายออกไปยังพื้นที่ใดชุมชนใดบ้าง จึงจะเป็นดัชนีชี้วัดการไหลเวียนของรายได้จากอุตสาหกรรมนี้ว่าเกิดประโยชน์อย่างไร และยังเป็นข้อมูลที่จะใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน โครงการนี้จะเข้ามาเสริมศักยภาพความรวดเร็วในการจัดเก็บสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
****ทศวรรษใหม่มุ่งเป็นที่หนึ่ง****
นายสุพลยังกล่าวในโอกาสครบรอบ 10 ปี กรมการท่องเที่ยวว่า วิสัยทัศน์ของกรมฯ ที่จะดำเนินงานต่อไปในทศวรรษหน้าจะมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยให้เป็นอันดับ 1 ในด้านรายได้และจำนวน โดยแผนระยะสั้นก่อนที่จะเปิดเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะต้องเร่งพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องของความชำนาญในภาษาต่างประเทศ อย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย รวมถึงภาษาอาเซียน เช่นมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยจะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, สนับสนุนประเทศไทยเป็นฟิล์มโลเกชันเดสติเนชัน ตลอดจนการยกระดับคุณภาพการบริการ นอกจากนั้นยังเร่งพัฒนาและวางรากฐานมาตรฐานโฮมสเตย์เพราะเป็นแหล่งรายได้เสริมให้แก่ชุมชน ตั้งเป้าปีนี้จะมีโฮมสเตย์ได้รางวัลมาตรฐานรวม 300 ราย เพิ่มเกือบเท่าตัวจากปีก่อนซึ่งมี 180 ราย
****ชำระค่าทุนจดทะเบียน 500 ลบ.ในงบ ททท.****
ด้านนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ล่าสุดได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ วุฒิสภาถึงความจำเป็นที่จะต้องฟื้นโครงการไทยแลนด์อีลิทการ์ด เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป
ฉะนั้น สิ่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัทดังกล่าว จะต้องให้ ททท.เร่งจัดทำแผนธุรกิจให้อยู่บนเหตุและผลของความเป็นไปได้ มีความน่าเชื่อถือ อุดรอยรั่วที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับมีแผนสร้างแรงจูงใจให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่จะมาซื้อ รวมถึงแผนการทำตลาด
“การจัดทำแผนธุรกิจอาจล่าช้ากว่ากำหนดที่ตั้งไว้ 2 เดือน โดยหากวงเงิน 20 ล้านบาทที่ ครม.อนุมัติให้บริษัทนำไปใช้จ่ายระหว่างการรอแผนธุรกิจใหม่หมดลง ก็ยังมีเงินทุนจดทะเบียนที่นำมาใช้ต่อได้ เพราะล่าสุดได้บรรจุวงเงิน 500 ล้านบาทที่เป็นทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังค้างอยู่ไว้ในงบประมาณประจำปี 2556 ของ ททท.เรียบร้อยแล้ว ”