“พาณิชย์” ยันไม่ปล่อยผีสินค้าขึ้นราคา หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคา 30 ก.ย.นี้ สั่งกรมการค้าภายในจับตาใกล้ชิด 3 กลุ่ม อาหาร-ของใช้-วัสดุก่อสร้าง มั่นใจราคาไม่ปรับถึงสิ้นปี พร้อมปูพรมจัดธงฟ้าต่อลดค่าครองชีพ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางดูแลราคาสินค้าหลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาวันที่ 30 ก.ย. 2555 ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามดูแลราคาสินค้า 4 กลุ่มที่จำเป็นต่อการบริโภคของประชาชนอย่างใกล้ชิด ทั้งกลุ่มอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน วัสดุก่อสร้าง และเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสินค้าดาหน้าขึ้นราคาจำนวนมากแน่ เพราะนโยบายของกระทรวงฯ จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงเท่านั้น
ทั้งนี้ แม้มาตรการตรึงราคาสินค้าจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. แต่จะไม่มีการปล่อยให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาได้ตามอำเภอใจอย่างที่หลายฝ่ายกังวล เพราะทุกสินค้าหากจะขึ้นราคาก็ต้องขออนุญาตกับกรมการค้าภายในเช่นเดิม และมั่นใจด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องในปัจจุบัน ทั้งราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมัน การแข่งขันในตลาด และกำลังซื้อประชาชนในปัจจุบัน ราคาสินค้าที่จำเป็นยังทรงตัวต่อไป และไม่ขึ้นราคาอย่างน้อยถึงสิ้นปี
โดยจากติดตามข้อมูลในกลุ่มอาหาร และอาหารสำเร็จรูปพบว่า น่าจะมีราคาทรงตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากส่วนประกอบวัตถุดิบ อาทิ เนื้อหมูยังทรงตัวระดับ กก.ละ 110-112 บาท เช่นเดียวกับเนื้อไก่ รวมถึงไข่ไก่ยังมีราคาไม่สูงนักและมีผลผลิตส่วนเกินจำนวนมาก ขณะที่ผักผลไม้มีราคาผันผวนเล็กน้อยขึ้นลงตามฤดูกาล ส่วนกลุ่มของใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ผงซักฟอก ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดปรับขึ้น เนื่องจากการแข่งขันสูง และกำลังซื้อของประชาชนยังไม่ดี
ส่วนสินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เดิมมีการคาดการณ์ว่าราคาขึ้นมาก แต่เท่าที่ได้ติดตามดูแลพบว่า ราคาเหล็ก รวมถึงปูนซีเมนต์ อิฐ หิน และทรายยังทรงตัว เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้นทุนไม่สูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ขยายตัวมาก ประกอบกับกำลังซื้อประชาชนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเตรียมขอปรับราคา ยังไม่มีการยื่นเรื่องเข้ามา และคาดว่าจะไม่ขอปรับราคาในเร็วๆ นี้ ส่วนน้ำปลาและเครื่องปรุงอาหารที่แจ้งว่าต้นทุนสูงขึ้น เป็นเพียงบางโรงงานเท่านั้น แต่เท่าที่สอบถามจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายแห่งยังสามารถบริหารต้นทุนได้ และไม่จำเป็นต้องปรับราคา
นายยรรยงกล่าวต่อว่า นอกจากการดูแลราคาสินค้าแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังจะเร่งจัดมหกรรมธงฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการดูแลค่าครองชีพ พร้อมกับกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนให้ขยายตัว รองรับกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่อาจทำให้การค้าระหว่างประเทศ และการส่งออกชะลอตัว โดยในปีงบประมาณ 2556 กระทรวงฯ ได้งบประมาณสำหรับจัดธงฟ้าอีก 193 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ได้รับเพียง 106 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้สามารถกระจายงานธงฟ้าได้เพิ่มยิ่งขึ้น
ล่าสุด ได้จัดมหกรรมธงฟ้าไทยช่วยไทย เฉลิมพระเกียรติฯ จนถึงวันที่ 28 ส.ค.นี้ บริเวณสนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) นำสินค้าข้าวของเครื่องใช้ราคาประหยัดต่ำกว่าท้องตลอด 20-40% มาร่วมจำหน่ายกว่า 400 คูหา พร้อมทั้งมีสินค้าจากศูนย์ศิลปาชีพมาจำหน่ายด้วย โดยสินค้าเด่น มีทั้งเนื้อหมู กก.75 บาท น้ำมันพืชขวดละ 36 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 ถาดละ 70 บาท น้ำตาลทราย กก.18 บาท และข้าวสารถุง 5 กก.70 บาท โดยตั้งเป้าหมายว่ามีประชาชนร่วมงาน 1.2 แสนคน เงินหมุนเวียน 70-80 ล้านบาท และลดค่าครองชีพได้ 30-35 บาท และหลังจากนี้ยังจะมีการจัดงานธงฟ้าระดับอำเภออีกกว่า 200 ครั้งในจนสิ้นเดือน ก.ย. 2555
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางดูแลราคาสินค้าหลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาวันที่ 30 ก.ย. 2555 ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามดูแลราคาสินค้า 4 กลุ่มที่จำเป็นต่อการบริโภคของประชาชนอย่างใกล้ชิด ทั้งกลุ่มอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน วัสดุก่อสร้าง และเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสินค้าดาหน้าขึ้นราคาจำนวนมากแน่ เพราะนโยบายของกระทรวงฯ จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงเท่านั้น
ทั้งนี้ แม้มาตรการตรึงราคาสินค้าจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. แต่จะไม่มีการปล่อยให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาได้ตามอำเภอใจอย่างที่หลายฝ่ายกังวล เพราะทุกสินค้าหากจะขึ้นราคาก็ต้องขออนุญาตกับกรมการค้าภายในเช่นเดิม และมั่นใจด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องในปัจจุบัน ทั้งราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมัน การแข่งขันในตลาด และกำลังซื้อประชาชนในปัจจุบัน ราคาสินค้าที่จำเป็นยังทรงตัวต่อไป และไม่ขึ้นราคาอย่างน้อยถึงสิ้นปี
โดยจากติดตามข้อมูลในกลุ่มอาหาร และอาหารสำเร็จรูปพบว่า น่าจะมีราคาทรงตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากส่วนประกอบวัตถุดิบ อาทิ เนื้อหมูยังทรงตัวระดับ กก.ละ 110-112 บาท เช่นเดียวกับเนื้อไก่ รวมถึงไข่ไก่ยังมีราคาไม่สูงนักและมีผลผลิตส่วนเกินจำนวนมาก ขณะที่ผักผลไม้มีราคาผันผวนเล็กน้อยขึ้นลงตามฤดูกาล ส่วนกลุ่มของใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ผงซักฟอก ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดปรับขึ้น เนื่องจากการแข่งขันสูง และกำลังซื้อของประชาชนยังไม่ดี
ส่วนสินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เดิมมีการคาดการณ์ว่าราคาขึ้นมาก แต่เท่าที่ได้ติดตามดูแลพบว่า ราคาเหล็ก รวมถึงปูนซีเมนต์ อิฐ หิน และทรายยังทรงตัว เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้นทุนไม่สูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ขยายตัวมาก ประกอบกับกำลังซื้อประชาชนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเตรียมขอปรับราคา ยังไม่มีการยื่นเรื่องเข้ามา และคาดว่าจะไม่ขอปรับราคาในเร็วๆ นี้ ส่วนน้ำปลาและเครื่องปรุงอาหารที่แจ้งว่าต้นทุนสูงขึ้น เป็นเพียงบางโรงงานเท่านั้น แต่เท่าที่สอบถามจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายแห่งยังสามารถบริหารต้นทุนได้ และไม่จำเป็นต้องปรับราคา
นายยรรยงกล่าวต่อว่า นอกจากการดูแลราคาสินค้าแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังจะเร่งจัดมหกรรมธงฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการดูแลค่าครองชีพ พร้อมกับกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนให้ขยายตัว รองรับกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่อาจทำให้การค้าระหว่างประเทศ และการส่งออกชะลอตัว โดยในปีงบประมาณ 2556 กระทรวงฯ ได้งบประมาณสำหรับจัดธงฟ้าอีก 193 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ได้รับเพียง 106 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้สามารถกระจายงานธงฟ้าได้เพิ่มยิ่งขึ้น
ล่าสุด ได้จัดมหกรรมธงฟ้าไทยช่วยไทย เฉลิมพระเกียรติฯ จนถึงวันที่ 28 ส.ค.นี้ บริเวณสนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) นำสินค้าข้าวของเครื่องใช้ราคาประหยัดต่ำกว่าท้องตลอด 20-40% มาร่วมจำหน่ายกว่า 400 คูหา พร้อมทั้งมีสินค้าจากศูนย์ศิลปาชีพมาจำหน่ายด้วย โดยสินค้าเด่น มีทั้งเนื้อหมู กก.75 บาท น้ำมันพืชขวดละ 36 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 ถาดละ 70 บาท น้ำตาลทราย กก.18 บาท และข้าวสารถุง 5 กก.70 บาท โดยตั้งเป้าหมายว่ามีประชาชนร่วมงาน 1.2 แสนคน เงินหมุนเวียน 70-80 ล้านบาท และลดค่าครองชีพได้ 30-35 บาท และหลังจากนี้ยังจะมีการจัดงานธงฟ้าระดับอำเภออีกกว่า 200 ครั้งในจนสิ้นเดือน ก.ย. 2555