xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์สายไหม้! คนโวยของแพง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการราวัน- “พาณิชย์” ชำแหละโครงสร้างต้นทุน 20 สินค้า หาช่องฟันพ่อค้าคนกลาง ปั่นราคาสินค้าสูงเกินจริง ส่วนประชาชนยังร้องของแพงไม่เลิก แค่ 18 วัน โวยผ่านสายด่วน 1569 พุ่ง 219 รายสูงกว่า เม.ย.ทั้งเดือน ขณะที่โรงงานน้ำตาลจัดสรรน้ำตาล 1 ล้าน กก. ร่วมโครงการขายสินค้าหน้าโรงงานลดค่าครองชีพให้กระทรวงอุตฯ จากที่ยื่นขอถึง 6 ล้าน กก. ยันราคาน้ำตาลไม่แพงแถมมีค้างกระดานถึง 3 ล้านกระสอบ ชี้รัฐหลงประเด็นแก้ของแพง

นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงสร้างต้นทุนสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หรือตั้งแต่การผลิตจนถึงมือผู้บริโภค รวมถึงค่าการตลาดของผู้ค้าในแต่ละช่วงว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือมีการค้ากำไรเกินควร โดยเบื้องต้นได้พิจารณาสินค้าประมาณ 20 รายการที่จำเป็นต่อการครองชีพ และประชาชนนิยมซื้อหาไปบริโภค ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ผักสด หมู ไก่ ไข่ไก่ ปลา น้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผงซักฟอก ยาสีฟัน และเครื่องแบบนักเรียน เป็นต้น

ทั้งนี้ หากพบว่า สินค้ารายการใด มีการฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร ก็จะเชิญผู้ค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้นๆ มาหารือ และขอความร่วมมือให้ปรับลดกำไรที่เกินไปลงมา เพื่อให้ราคาสินค้าไม่สูงจนเกินความจริง หากไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการต่อไป ส่วนสินค้าที่แต่ละช่วงมีค่าการตลาดที่เหมาะสม ก็จะไม่มีมาตรการใดๆ เข้าไปดำเนินการ
แต่จะมีมาตรการสนับสนุนช่วยให้ขายสินค้าได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจเบื้องต้น สินค้าที่มีแนวโน้มมีปัญหาพ่อค้าคนกลางค้ากำไรเกินควรส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตรมากกว่าสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะราคารับซื้อจากแหล่งผลิตไม่สูงมากนัก กว่าจะถึงมือผู้บริโภค ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก เช่น ผักสด แต่หากพิจารณาให้ลึกลงไปอีก พบว่า อาจจะไม่ค้ากำไรเกินควร เพราะผู้ค้าแต่ละช่วง ต้องแบกรับภาระค่าน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน และค่าผักเน่าเสีย ซึ่งจะมีการพิจารณาให้ละเอียดอีกครั้ง

ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่มีการแข่งขันรุนแรง ไม่ค่อยมีปัญหาการค้ากำไรเกินควร ยกเว้นสถานที่ห่างไกล ที่อาจมีราคาสูงขึ้นบ้างจากต้นทุนด้านการขนส่ง สำหรับสินค้าหมู พบว่า มีการกำหนดราคาขายที่ซับซ้อนมากในช่วงจากโรงชำแหละมาที่หน้าเขียง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า จากการตรวจสอบการร้องเรียนของประชาชนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ตั้งแต่วันที่ 1-18 พ.ค.2555 พบว่า ประชาชนได้ร้องเรียนปัญหาสินค้ามีราคาแพงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการร้องเรียนสูงถึง 219 ราย สูงกว่าเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาทั้งเดือนที่มีการร้องเรียนเพียง 194 ราย แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังรู้สึกว่าสินค้ามีราคาแพงขึ้นจึงได้ร้องเรียนเพิ่มขึ้น และคาดว่าหากตัวเลขถึงสิ้นเดือนพ.ค. น่าจะมีจำนวนการร้องเรียนมากขึ้นกว่านี้อีก

สำหรับปัญหาข้อร้องเรียน แยกเป็น ร้องเรียนสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 114 ราย หมวดของใช้ประจำบ้าน 3 ราย หมวดของใช้ส่วนบุคคล 5 ราย หมวดผลิตภัณฑ์กระดาษและเครื่องเขียน 1 ราย หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 1 ราย หมวดการเกษตร 47 ราย หมวดวัสดุก่อสร้าง 3 ราย หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 19 ราย หมวดการบริการ 11 ราย และหมวดอื่นๆ 15 ราย ส่วนสถิติการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569
ตั้งแต่เดือนม.ค.-18 พ.ค.55 รวมทั้งสิ้น 1,158 ราย แยกเป็นเดือนม.ค. 161 ราย เดือนก.พ. 262 ราย เดือนมี.ค. 322 ราย เดือนเม.ย. 194 ราย และวันที่ 1-18 พ.ค. 219 ราย

****จับตาดีเซลนิ่งก่อนลดค่าโดยสาร

นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า การปรับลดค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะหลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงต่ำกว่า 30บาทต่อลิตรนั้น จะต้องติดตามราคาน้ำมันดีเซลอย่างใกล้ชิดว่าจะมีความผันผวนอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้ระยะเวลาประมาณ2เดือนเพื่อให้ราคาน้ำมันนิ่งจึงจะพิจารณาว่าจะปรับลดโดยสารลงเท่าไร โดยเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงคงที่แล้ว ก็ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นเท่าไร หลังจากนั้นถึงจะนำไปเปรียบเทียบกับตารางอัตราค่าโดยสารว่าจะปรับลดอัตราค่าโดยสารลงไปเท่าไร ซึ่งทั้งหมดมีการกำหนดรายละเอียดต่างๆที่ชัดเจนไว้อยู่แล้ว

“ตามปกติการปรับขึ้นหรือลดราคาค่าโดยสารรถสาธารณะจะต้องดูราคาน้ำมันประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเปลี่ยนแปลงหรือผันผวนมากน้อยขนาดไหน หลังจากนั้นก็จะพิจารณาแนวโน้มว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่ คงจะไม่สามารถปรับราคาค่าโดยสารขึ้นลงเป็นรายสัปดาห์ได้”นายศรศักดิ์กล่าว

****ดึงน้ำตาล 1 ล้าน กก. ขายถูก

แหล่งข่าวจาก 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้รับการติดต่อจากกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะขอความร่วมมือให้จัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายจำนวน 6 ล้านกิโลกรัม(กก.) เพื่อนำไปร่วมโครงการจำหน่ายสินค้าราคาหน้าโรงงานเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชนที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการภายในเดือนพ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามโรงงานได้หารือและยืนยันที่จะจัดสรรให้ปริมาณ 1
ล้านกก.ในเบื้องต้นก่อนเท่านั้นเนื่องจากเห็นว่าราคาน้ำตาลทรายในขณะนี้ไม่ได้จำหน่ายแพงเกินราคาควบคุมแต่อย่างใด

“ ราคาน้ำตาลทรายขาว และขาวบริสุทธิ์หน้าโรงงานอยู่ที่ 19 และ 20 บาทต่อกก. ก็จะขาย 18-19 บาทต่อกก.ถุงบรรจุ 1 กิโลกรัมก็ขายที่ 20 บาทต่อกก.รวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาก็จะลดลงจากปกติ 2-3 บาทต่อกก. ซึ่งยอมรับว่าโรงงานแต่ละรายไม่ได้จำหน่ายน้ำตาลถุงกก.เหมือนกัน และปริมาณ 1 ล้านกก.ก็ถือว่ามากต้องกระจายให้กับประชาชนจริงๆ คงไม่ให้กับผู้ประกอบการที่จะนำรถมาขน
และกระทรวงเองก็ขอความร่วมมือให้นำน้ำตาลมาขาย แล้วก็ยังไม่ชัดใครขายแต่ขายได้แล้วถึงจะจ่ายเงินเราก็ต้องเชื่อถือราชการ” แหล่งข่าวกล่าว

ปัจจุบันปริมาณน้ำตาลทรายในประเทศมีล้นระบบโดยล่าสุดมีปริมาณน้ำตาลทรายค้างกระดานแล้วถึง 3 ล้านกระสอบเนื่องจากส่วนหนึ่งเหลือค้างกระดานจากฤดูการผลิตที่ผ่านมาและประกอบกับกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ(โควตาก.) สูงถึง 24 ล้านกระสอบ(2.4ล้านตัน)
ดังนั้นจึงยืนยันว่าปริมาณน้ำตาลทรายมีมากพอเกินกับความต้องการจึงไม่มีเหตุผลที่ราคาน้ำตาลทรายในประเทศจะแพงขึ้นแต่อย่างใดซึ่งการนำน้ำตาลไปจำหน่ายในราคาถูกตรงข้ามอาจเป็นจิตวิทยาอาจทำให้ประชาชนคิดว่าน้ำตาลแพงไปอีกด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามกรณีที่มีการระบุว่าราคาน้ำตาลทรายขายปลีกในต่างจังหวัดจำหน่ายเกินกว่าราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์นั้นเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์คงจะต้องเข้าไปพิจารณาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องยอมรับว่าต่างจังหวัดมีค่าขนส่ง แต่หากต้องการได้ราคาไม่แพงสามารถซื้อได้ในห้างสรรพสินค้า เช่น เทสโก โลตัส ที่สามารถจำหน่ายน้ำตาลทรายในราคาที่เท่ากันทั่วประเทศเพื่อมีความได้เปรียบในแง่ของการกระจายสินค้าและเงินทุน

แหล่งข่าวยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกว่า ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายภาพรวมปรับลดลงเนื่องจากผลผลิตทั่วโลกสูงขึ้น โดยราคาน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่ประมาณ 580 เหรียญสหรัฐต่อตัน(ไม่รวมพรีเมี่ยม) ขณะที่ราคาน้ำตาลทรายดิบอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 20-21 เซนต์ต่อปอนด์.
กำลังโหลดความคิดเห็น