แอตต้า แนะวิธีเพิ่มนักท่องเที่ยวตลาดยุโรป ระบุ ททท.อย่าเลือกปฎิบัติจับมือทัวร์เฉพาะบริษัทใหญ่ ควรให้ความสำคัญกับทัวร์ขนาดเล็กด้วย แนะแนวโน้มนักท่องเที่ยวกรุ๊ปวีไอพี ในตลาดยุโรป ยังกำลังซื้อแน่นจ่ายสูง อย่าเสียเวลามุ่งแต่ทัวร์กรุ๊ปใหญ่ ด้าน ททท. มีความกังวล หลังสำนักงานในยุโรป แจ้ง ชาร์เตอร์ไฟล์ทจากฟินแลนด์เบนเข็มไปลงลังกาวีแทนกระบี่ จี้หน่วยงานรัฐคลอดมาตรการป้องกัน
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางผ่านสมาชิกของแอตต้า ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง วันที่ 20 สิงหาคม 2555 ที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ ยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการเติบโตราว 7.9% มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 2.2 ล้านคน
โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป เติบโตราว 0.09% เพราะมีบางประเทศเท่านั้นที่เติบโตติดลบ เช่น เยอรมัน ลดลง 6% อิหร่าน ลดลง 4% รัสเซียลดลง 2.6% เป็นต้น หากแบ่งเป็นภูมิภาค พบว่า ยุโรปเหนือเติบโตลดลงราว 15% ยุโรปตะวันออก ลดลง 2.2% ขณะที่ยุโรปใต้ ยังเติบโต 16.97% และยุโรปตะวันตกเติบโต 4%
อย่างไรก็ตาม หากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังมองว่านักท่องเที่ยวจากยุโรปมีความสำคัญ เพราะเป็นตลาดที่มีระยะวันพักนานเฉลี่ยคนละ 14 วัน ทำให้ ยอดการใช้จ่ายต่อคนสูง จะต้องให้ความสำคัญกับการทำตลาดนี้ให้มากขึ้น อย่าเลือกทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเฉพาะกับบริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่ แต่ควรมองเห็นความสำคัญของบริษัททัวร์ขนาดเล็กด้วย เพราะเชื่อว่า บริษัททัวร์เหล่านี้มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าบริษัทใหญ่ และ หากคิดกิจกรรมดีดีร่วมกัน เขาก็สามารถนำนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป เดินทางเข้ามาประเทศไทยทำรายได้เข้าประเทศของเราได้เช่นกัน
สำหรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวยุโรปในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตอีกราว 4-5% โดยกลุ่มที่เติบโตสูงน่าจะเป็น ยุโรปตะวันออกเพราะมีตลาดรัสเซีย และ อีกหลายประเทศที่ต้องหนีหนาวเดินทางเข้ามาประเทศไทย
***แนะจับตลาดทัวร์วีไอพีโกยรายได้***
นายชิดชัย สาครบดี อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) และผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเปเชียล เจอนี่ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน กรุ๊ปขนาดใหญ่ที่เดินทางมาจากประเทศในกลุ่มยุโรป มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ไปเพิ่มในส่วนของนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีเงินมาก พร้อมที่จะจับจ่าย ต้องการได้รับบริการและการดูแลที่ดีเลิศจึงไม่ต้องการที่จะเดินทางร่วมมากับทัวร์ที่เป็นกรุ๊ปที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายที่ต่างกันมาก
“แนวโน้มนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่มีเงินมาก จะนิยมนัดหมายมาเที่ยวด้วยกัน เป็นแนวโน้มที่กำลังมาแรง โดยให้บริษัททัวร์ จัดโปรแกรม มีข้อแม้ว่า การบริการทุกอย่างต้องเอ็กซ์คลูซีฟทั้งหมด ผู้ประกอบการทัวร์สามารถปรับขึ้นค่าบริการได้ 20-25% โดยโรงแรมก็ได้ราคาห้องพักเพิ่มขึ้นได้ราว 15-20% จึงเป็นตลาด ผู้ประกอบการควรหันมาศึกษาเพื่อจะเห็นลู่ทางการเข้ามาทำตลาดในรูปแบบนี้บ้าง เพราะในส่วนของ บริษัท สเปเชียล เจอนี่ เริ่มปรับมาทำตลาดนี้แล้ว ล่าสุด เซ็นสัญญา รับรองนักท่องเที่ยววีไอพีจากยุโรป 5 คน เป็นเงินรวม 1.6 ล้านบาท “
ทั้งนี้หากบริษัททัวร์ยังมองการทำตลาดแบบกรุ๊ปทัวร์ ต้องทำให้ได้จำนวนต่อกรุ๊ปมากกว่า 25 คน ขึ้นไป จึงมีกำไร ตลาดวีไอพีแบบนี้ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถทำการตลาดผ่านเทคโนโลยี เช่น Skype คุยเจาะตรงถึงตัวลูกค้า เจรจาพร้อมปิดการขายได้ เชื่อว่า เป็นการทำตลาดรูปแบบใหม่ และ อนาคตหาก ททท.ต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพจะต้องให้ความสำคัญกับกรุ๊ปแบบเอ็กซ์คลูซีฟแบบนี้ให้มากขึ้น เพราะมีการเติบโตสูง โดยสัดส่วนจำนวนกรุ๊ป เพิ่มขึ้นมาเป็น 50% เท่าๆกัน กับกรุ๊ปทัวร์ปรกติ
***ชาร์เตอรไฟล์ทปันใจหนีลงมาเลฯ****
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า มีความกังวลว่า ไฮซีซั่นปีนี้ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท) จากยุโรปในบางประเทศอาจลดจำนวนลง โดยมีเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิกฤตเศรษบกิจ ทั้งนี้เพราะ มีรายงานจาก สำนักงาน ททท.ในยุโรปว่า บริษัทนำเที่ยวของประเทศฟินแลนด์
ซึ่งเคยทำชาร์เตอรืไฟล์ทมาลงที่สนามบินกระบี่ ทุกๆปี แต่สำหรับปีนี้ จะแบ่งชาร์เตอร์ไฟล์ทส่วนหนึ่งไปลงที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซียแทน โดยยังคงทำโปรแกรมพานักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยด้วย แต่มาในลักษณะนั่งเรือจากเกาะลังกาวีเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาเที่ยวเกาะตะรุเตา และเกาะหลีเป๊ะ ได้ ไม่ต้องพักค้างคืน
เพราะทั้งสองเกาะดังกล่าวอยู่ในพื้นที่อุทยาน ไม่มีที่พัก
ขณะที่ เกาะลังกาวี มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ซึ่งตรงนี้มีผลให้ประเทศไทย ผู้ประกอบการของไทย เสียโอกาสมีรายได้จากการเข้าพักโรงแรม แต่มีรายได้เพียงค่าเข้าอุทยานซึ่งคนละไม่กี่ร้อยบาทจึงมองว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมาหารือร่วมกัน ออกเป็นกฏระเบียบใหม่ เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม อย่างเช่น มาตรการภาษีเป็นต้น เพราะเมื่อเปิด AEC จะต้องมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน ไทยอาจเสียโอกาสสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว
***แอตต้าบี้รัฐศึกษากลยุทธ์คู่แข่ง****
จากกรณีนี้นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายก แอตต้า ให้ความเห็นว่า รัฐควรเร่งหาแนวทางรับมือในกรณีที่ชาร์เตอร์ไฟล์ทที่เคยมาลงประท์ไทย หันไปลงยังประเทศเพื่อนบ้านแทน หากปล่อยไว้เช่นนี้ไทยแทบไม่ได้รายได้ด้านการท่องเที่ยวกลับคืนมาเลย และควรรู้เขารู้เราด้วยว่า เหตุที่ชาร์เตอร์ไฟล์ทหันไปลงประเทศเพื่อนบ้านมีสาเหตุอะไร
เพราะเขามีมาตรการให้สิ่งใดเป็นแรงจูงใจสนับสนุนหรือไม่เพื่อมาปรับใช้ให้เหมาะสม