น้ำมันดิ่งแรงหลังเหตุประท้วงนอร์เวย์ยุติ-หุ้นสหรัฐฯปิดลบ

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งลงแรงวานนี้(10) หลังเหตุผละงานประท้วงของคนงานภาคพลังงานในนอร์เวย์ ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตคลี่คลาย และข่าวการนำเข้าที่ลดลงของจีน ขณะที่ข้อมูลการค้าที่น่าผิดหวังของปักกิ่ง ก็ฉุดให้วอลล์สตรีท ปิดในแดนลบ

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แหล่งน้ำมันต่างๆของนอร์เวย์คืนสู่การผลิตอีกครั้งในวันอังคาร(10) หลังรัฐบาลตัดสินใจเข้าแทรกแซงเพื่อยุติเหตุผละงานประท้วง 16 วันเกี่ยวกับเงินบำนาญ ที่อาจทำให้ชาติผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของยุโรปตะวันตกต้องหยุดปฏิบัติการ

สแตทออย รัฐสาหกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงหนักหน่วงที่สุด เผยว่าพวกเขากำลังเร่งคืนการผลิต ณ แหล่งต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากความเคลื่อนไหวของแรงงานและคาดหมายว่าการผลิตจะกลับสู่ระดับปกติในช่วงปลายสัปดาห์

ข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินบำนาญระหว่างสหภาพแรงงานและเหล่านายจ้างในชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 8 ของโลกและส่งออกก๊าซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก จะเข้าสู่กลไกของอนุญาโตตุลาการต่อไป

ขณะเดียวกันอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันคือความกังวลครั้งใม่เกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ในจีน ชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ที่บ่งชี้ถึงการเติบโตที่เฉี่อยชาลง

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10) ปิดตัวในแดนลบ จากข้อมูลการค้าที่น่าผิดหวังของจีน ขณะที่นักลงทุนทบทวนถึงรายงานผลประกอบการบริษัทช่วงไตรมาส 2 ที่เริ่มเปิดเผยออกมา รวมถึงข้อตกลงยูโรโซน ที่จะสามารถสนับสนุนสเปนและธนาคารต่างๆของแดนกระทิงดุได้มากน้อยแค่ไหน

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 83.17 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,653.12 จุด แนสแดค ลดลง 29.44 จุด (1.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,902.33 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 10.99 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,341.47 จุด

สำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยว่ายอดการส่งออกประจำเดือนมิถุนายนของปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.8 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือนพฤษภาคม ที่สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 15.3

ส่วนยอดการนำเข้าเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 แตะที่ 1.48 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือนพฤษภาคม ที่ขยายตัวได้ร้อยละ 12.7