เหตุคนงานน้ำมันประท้วงยุติ หลังรัฐบาลนอร์เวย์เข้าแทรกแซง

เอเอฟพี - นอร์เวย์กลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งเมื่อวันอังคาร(10) หลังรัฐบาลตัดสินใจเข้าแทรกแซงเพื่อยุติเหตุผละงานประท้วง 16 วันเกี่ยวกับเงินบำนาญ ที่อาจทำให้ชาติผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของยุโรปตะวันตกต้องหยุดปฏิบัติการ

"เหตุประท้วงสิ้นสุดแล้ว" โฆษกกระทรวงแรงงานบอกกับเอเอฟพี หลังบรรลุข้อตกลงในนาทีสุดท้าย ข้อตกลงที่คลี่คลายความวิตกทางอุปทานและช่วยฉุดให้ราคาน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือในตลาดเอเชียกลับมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สแตทออย รัฐสาหกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงหนักหน่วงที่สุด เผยว่าพวกเขากำลังเร่งคืนการผลิต ณ แหล่งต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากความเคลื่อนไหวของแรงงานและคาดหมายว่าการผลิตจะกลับสู่ระดับปกติในช่วงปลายสัปดาห์

เวลานี้ข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินบำนาญระหว่างสหภาพแรงงานและเหล่านายจ้างในชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 8 ของโลกและส่งออกก๊าซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก จะเข้าสู่กลไกของอนุญาโตตุลาการ

การหยุดการผลิต(lockout)ตามคำขู่ของสมาคมอุตสาหกรรมน้ำมัน (OLF) คือการห้ามพนักงานภาคพลังงานมากกว่า 6,500 คนเข้าทำงาน หรือเทียบเท่ากับการลดกำลังผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

คำขู่จะยุติการผลิตน้ำมันและก๊าซทั่วประเทศตั้งแต่วันอังคาร (10)ของสมาคมอุตสาหกรรมน้ำมันมีขึ้นเพื่อต้องการบีบให้รัฐบาลหาทางออกให้กับการผละงานประท้วงของคนงานมากกว่า 700 คนที่เริ่มมาตั้งแต่ 24 มิถุนายน หลังจากที่การเจรจาเรื่องบำนาญประสบความล้มเหลวเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์(8)

ทางสหภาพแรงงานเรียกร้องให้นายจ้างทบทวนการตัดสินใจไม่อนุมัติสิทธิพิเศษและเงินบำนาญ ที่แรงงานในอุตสาหกรรมน้ำมันจะได้รับเมื่อเกษียณอายุในวัย 62 ปี ซึ่งเป็นการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยสหภาพต้องการให้ผู้ที่เกษียณอายุก่อนกำหนดได้รับบำนาญเท่ากับผู้เกษียณอายุตามกำหนด

แยน ฮอดเนลันด์ ตัวแทนเจรจาของสมาคมอุตสาหกรรมน้ำมันหรือกลุ่มของนายจ้าง บอกว่ารัฐบาลตัดสินใจเลือกทางเลือกที่แสดงถึงความรับชอบ "ตอนนี้เราโล่งอกที่ไม่ต้องหยุดการผลิต อย่างไรก็ตามเราก็พร้อมริเริ่มการล็อคเอาต์อีกหากว่ารัฐบาลไม่เข้าแทรกแซง"

นอร์เวย์ ได้รับผลกระทบจากผลผลิตน้ำมันที่ลดลงร้อยละ 13 และผลผลิตก๊าซที่ลดลงร้อยละ 4 นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการผละงานประท้วง ขณะที่ทางสมาคมอุตสาหกรรมน้ำมันประเมินว่า การผลิตที่ลดลงจะส่งผลให้นอร์เวย์ได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 2.9 พันล้านโครน (ประมาณ 14,500 ล้านบาท)