กทท.ปรับแผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ 2,357 ไร่ใหม่ ผุดคอนโดฯ รองรับชุมชนกว่า 40,000 ครัวเรือน นำร่องย้ายโซนริมคลองพระขโนงตามนโยบาย “นายกฯ ปู” ชะลอ 4 แปลงหันพัฒนาที่ริมแม่น้ำก่อน ชี้มีศักยภาพจูงใจนักลงทุนสร้างมูลค่ามากกว่า เดินหน้าลงพื้นที่ให้ข้อมูลสร้างความเชื่อมั่นชุมชนลดแรงต้าน “ชัจจ์” ทาบ “ดร.บุญสม” นั่งประธาน กก.กำกับแผนแม่บท
เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท.จะมีการปรับแผนการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) 2,357 ไร่ใหม่ จากเดิมที่จะพัฒนาพื้นที่ 4 แปลงนำร่องเป็นการนำพื้นที่ประมาณ 123 ไร่ บริเวณองค์การฟอกหนังที่ถูกยุบแล้วประมาณ 21 ไร่ ชุมชนริมคลองพระโขนง ประมาณ 34 ไร่ และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงงานเภสัชกรรมทหาร สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อีกประมาณ 63 ไร่ ก่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัย (คอนโดมิเนียม) ในรูปแบบเดียวกับจามจุรีสแควร์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โดยคาดว่าจะตอกเสาเข็มอาคารแรกได้ประมาณปลายปี 2556 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังมีการร้องเรียนจากชุมชนริมคลองพระโขนงเรื่องถูกกระทรวงกลาโหมฟ้องขับไล่ โดยคณะรัฐมนตรีสัญจรเมื่อเดือนมิถุนายนให้คืนพื้นที่ดังกล่าวให้ กทท.หลังจากกลาโหมครอบครองมากว่า 50 ปี โดยเป้าหมายการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยให้ชุมชนคลองเตยก่อนเพื่อให้สามารถพัฒนาท่าเรือกรุงเทพได้ตามแผนแม่บท 37 ปีได้ง่ายขึ้น การดำเนินโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณของ กทท. และของบประมาณจากรัฐบาลมาดำเนินการด้วย
โดยปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ กทท.กว่า 40,000 ครัวเรือน เบื้องต้นจะก่อสร้างเป็นอาคารสูงประมาณ 24 ชั้น ประมาณ 500 ยูนิต ยูนิตละไม่ต่ำกว่า 35-40 ตร.ม. วงเงินก่อสร้างประมาณ 300 ล้านบาท ไม่รวมระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เป็นต้น โดยจะให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ฟรีในช่วงแรก พร้อมกับฝึกอาชีพให้ หลังจากชาวบ้านสามารถสร้างรายได้ได้เองจึงจะเก็บค่าอยู่อาศัยต่อไป ซึ่งจะต้องตกลงในรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง
“การทำความเข้าใจ ให้ข้อมูล และสร้างความเชื่อมั่นกับผู้อยู่อาศัยเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งได้ดำเนินการมาบ้างแล้ว โดยได้พูดคุยกับผู้นำชุมชน ซึ่งยังห่วงว่าจะไม่ทำจริงตามที่พูด ดังนั้นในวันที่ 26 สิงหาคมนี้จะลงพื้นที่พร้อมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่หลังจากนี้และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสำรวจความพึงพอใจ สร้างการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและจะเป็นตัวชี้วัดให้พื้นที่อื่นๆ และเกิดการยอมรับการพัฒนาของการท่าเรือมากขึ้น" เรือตรี วิโรจน์กล่าว
สำหรับการพัฒนาพื้นที่ 4 แปลงนั้นจะชะลอไปก่อน โดยจะปรับมาพัฒนาพื้นที่บริเวณโรงพักสินค้า 1-6 ริมแม่น้ำก่อนเนื่องจากมีศักยภาพจูงใจนักลงทุนมากกว่าและสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าพื้นที่ 4 แปลง โดยจะก่อสร้างเทอร์มินอลเพื่อให้บริการสินค้าทดแทนใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษาวงเงิน 80 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายในเดือนสิงหาคมนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่ง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทาบทามนายบุญสม เลิศหิรัญวงศ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธาน ส่วนกรรมการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ สถาปนิก ก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ และ กทท.จะตั้งหน่วยธุรกิจ (BU) บริหารอสังหาริมทรัพย์ขึ้นด้วย
เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท.จะมีการปรับแผนการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) 2,357 ไร่ใหม่ จากเดิมที่จะพัฒนาพื้นที่ 4 แปลงนำร่องเป็นการนำพื้นที่ประมาณ 123 ไร่ บริเวณองค์การฟอกหนังที่ถูกยุบแล้วประมาณ 21 ไร่ ชุมชนริมคลองพระโขนง ประมาณ 34 ไร่ และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงงานเภสัชกรรมทหาร สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อีกประมาณ 63 ไร่ ก่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัย (คอนโดมิเนียม) ในรูปแบบเดียวกับจามจุรีสแควร์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โดยคาดว่าจะตอกเสาเข็มอาคารแรกได้ประมาณปลายปี 2556 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังมีการร้องเรียนจากชุมชนริมคลองพระโขนงเรื่องถูกกระทรวงกลาโหมฟ้องขับไล่ โดยคณะรัฐมนตรีสัญจรเมื่อเดือนมิถุนายนให้คืนพื้นที่ดังกล่าวให้ กทท.หลังจากกลาโหมครอบครองมากว่า 50 ปี โดยเป้าหมายการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยให้ชุมชนคลองเตยก่อนเพื่อให้สามารถพัฒนาท่าเรือกรุงเทพได้ตามแผนแม่บท 37 ปีได้ง่ายขึ้น การดำเนินโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณของ กทท. และของบประมาณจากรัฐบาลมาดำเนินการด้วย
โดยปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ กทท.กว่า 40,000 ครัวเรือน เบื้องต้นจะก่อสร้างเป็นอาคารสูงประมาณ 24 ชั้น ประมาณ 500 ยูนิต ยูนิตละไม่ต่ำกว่า 35-40 ตร.ม. วงเงินก่อสร้างประมาณ 300 ล้านบาท ไม่รวมระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เป็นต้น โดยจะให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ฟรีในช่วงแรก พร้อมกับฝึกอาชีพให้ หลังจากชาวบ้านสามารถสร้างรายได้ได้เองจึงจะเก็บค่าอยู่อาศัยต่อไป ซึ่งจะต้องตกลงในรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง
“การทำความเข้าใจ ให้ข้อมูล และสร้างความเชื่อมั่นกับผู้อยู่อาศัยเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งได้ดำเนินการมาบ้างแล้ว โดยได้พูดคุยกับผู้นำชุมชน ซึ่งยังห่วงว่าจะไม่ทำจริงตามที่พูด ดังนั้นในวันที่ 26 สิงหาคมนี้จะลงพื้นที่พร้อมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่หลังจากนี้และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสำรวจความพึงพอใจ สร้างการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและจะเป็นตัวชี้วัดให้พื้นที่อื่นๆ และเกิดการยอมรับการพัฒนาของการท่าเรือมากขึ้น" เรือตรี วิโรจน์กล่าว
สำหรับการพัฒนาพื้นที่ 4 แปลงนั้นจะชะลอไปก่อน โดยจะปรับมาพัฒนาพื้นที่บริเวณโรงพักสินค้า 1-6 ริมแม่น้ำก่อนเนื่องจากมีศักยภาพจูงใจนักลงทุนมากกว่าและสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าพื้นที่ 4 แปลง โดยจะก่อสร้างเทอร์มินอลเพื่อให้บริการสินค้าทดแทนใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษาวงเงิน 80 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายในเดือนสิงหาคมนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่ง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทาบทามนายบุญสม เลิศหิรัญวงศ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธาน ส่วนกรรมการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ สถาปนิก ก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ และ กทท.จะตั้งหน่วยธุรกิจ (BU) บริหารอสังหาริมทรัพย์ขึ้นด้วย
