ประธาน สทท.จี้รัฐหนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เน้น 3 ประเด็นเตรียมความพร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ทำเรื่องเสนอต่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการประชุมเชิงปฎิบัติการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2558 เพื่อให้เร่งดำเนินการใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การเร่งยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและบริการอย่างเป็นรูปธรรมจริงจัง, การจัดมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ได้ครบ 100 ตำแหน่งงาน เตรียมพร้อมผู้ประกอบการไทยและบุคลากรไทยเสริมทัพรับการเปลี่ยนแปลงใน 3 ปีข้างหน้า และการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทั้งทางอากาศและทางบกเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านอย่างครบวงจร
“ปัจจุบันภาคท่องเที่ยวและบริการยังไม่มีหน่วยงานหรือเจ้าภาพหลักในการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยอย่างชัดเจน ไม่เหมือนภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีกระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักพัฒนาผู้ประกอบการดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง”
จากปัญหาดังกล่าว สทท.จึงต้องการให้กรมการท่องเที่ยวเป็นเจ้าภาพหลักในการสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของอบรมผู้ประกอบการในแนวคิดที่ตอบสนองความต้องการเพื่อยกระดับมาตรฐาน และการขยายฐานธุรกิจสู่สากล ในขณะเดียวกันระหว่างช่วงปรับตัว หน่วยงานภาครัฐอื่นซึ่งปัจจุบันพัฒนาผู้ประกอบการอยู่แล้ว ก็ควรเพิ่มสัดส่วนในภาคบริการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ส่วนด้านบุคลากรภาคท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อมของอุตสาหกรรมนี้มีอยู่ราว 6 ล้านคน สทท.ได้หารือกระทรวงแรงงานเพื่อจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานภาคท่องเที่ยวให้ได้ถึง 100 ตำแหน่งงานจากปัจจุบันที่มีอยู่ 32 ตำแหน่งงาน โดยจะขอให้มีการอบรมบุคลากรภาคท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 300,000 คน ใน 3 ปีข้างหน้าควบคู่ไปพร้อมการทำมาตรฐานเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพมาตรฐานพร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
ส่วนการคมนาคมเชื่อมโยงเส้นทางทั้งทางอากาศ และทางบก ปัจจุบันประเทศไทยมีสนามบินอยู่ถึง 26 สนามบิน ซึ่งรัฐควรนำมาพัฒนาให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดเพื่อให้ประเทศไทยได้เป็น Gateway ในภูมิภาคนี้ ขณะที่การเดินรถท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาจต้องมีการหารืออย่างเป็นทางการกับประเทศเพื่อนบ้านในการอำนวยความสะดวกให้สามารถนำรถโดยสารท่องเที่ยวของไทยเข้าได้โดยตรง
นายจิระเดช ห้วยหงษ์ทอง อุปนายกสมาคมรถโดยสารไม่ประจำทาง กล่าวว่า การเดินรถโดยสารท่องเที่ยวของไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางการขนส่งสินค้า ซึ่งบางเส้นทางไม่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว เช่น ประเทศกัมพูชาอนุญาตให้เดินรถเข้าได้โดยใช้เส้นทางปอยเปตเข้าบันเตียนเมียนเจย และผ่านพระตะบองไปพนมเปญ ซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ดี แต่ในเส้นทางของการท่องเที่ยวควรเดินเส้นทางบันเตียเมียนเจยและเสียมราฐเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ดังนั้นจึงควรเปิดการเจรจาทำข้อตกลงในลักษณะทวิภาคี หรืออื่นๆ แล้วแต่ความเหมาะสม และควรให้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯได้เข้ามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านท่องเที่ยวที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย
