xs
xsm
sm
md
lg

สภาที่ปรึกษาฯ จัดสัมมนายุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-กัมพูชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดสัมมนา “ยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจเพื่อนบ้านไทยกัมพูชา” ชี้จังหวัดจันทบุรี และตราด ต้องปรับตัวเพื่อตั้งรับการเป็น AEC ขณะที่ประธานหอการค้าจังหวัดตราด และจันทบุรี มั่นใจได้ประโยชน์อย่างแน่นอน

นายนภดล ศรีสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดการสัมมนายุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจเพื่อนบ้านไทย กัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมเฟื่องฟ้า โรงแรมบ้านหูรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดตราด โดยมีนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบ และมีนายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้าจังหวัดตราด นายเมธี จึงสงวนสิทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี นายประเสริฐ ศิริ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตราด และมีผู้เข้าร่วมสัมมนา ที่มีทั้งนักธุรกิจจากจังหวัดตราด และจันทบุรี เข้าร่วมกว่า 50 คน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า ประเทศไทย และประเทศกัมพูชาถือเป็นเพื่อนบ้านที่มีการติดต่อค้าขายกันมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการค้าชายแดนซึ่งเป็นการค้าขายระหว่างคนในพื้นที่ที่อาศัยอยู่บริเวณจังหวัดชายแดน ที่มีพรมแดนติดต่อกัน ซึ่งไทย และกัมพูชามีจุดผ่านแดนถาวรที่สามารถส่งออก และนำเข้าสินค้าได้ถึง 6 แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดตราด มีจุดผ่านแดนถาวร 1 แห่ง คือ บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ ซึ่งมูลค่าการส่งออกในปี 2554 มีมากถึง 28,302.40 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย พร้อมคณะ ยังได้มีการเจรจากับคณะของสมเด็จฮุนเซน เกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้า ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา ในการพัฒนาเศรษฐกิจรองรับการก้าวสู่การเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งภาคธุรกิจของจังหวัดตราด และจันทบุรี จะต้องปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ไม่เช่นนั้น อาจจะได้รับผลกระทบในอนาคตได้

ขณะที่ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค กล่าว่า ผลจากการสัมมนา จะนำไปสู่รัฐบาลในการดำเนินการแก้ปัญหา และข้อแนะนำของผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาพื้นที่แต่ละจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดให้มีการสัมมนาร่วมกันแล้วในประเทศลาว และพม่า

สำหรับในพื้นที่จังหวัดตราด และจันทบุรีที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา จะเห็นว่า กัมพูชามีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีการพัฒนาด้านพลังงาน ด้วยการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำ และมีการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ใน 21 พื้นที่ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนในประเทศกัมพูชาอย่างมหาศาลในอีก 3 ปีข้างหน้า

ด้านนายเมธี จึงสงวนสิทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทยกัมพูชา จะทำให้จังหวัดในภาคตะวันออก ที่ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ได้รับประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดยระยอง ได้พัฒนาในรูปแบบของการเมืองอุตสาหกรรมไปแล้ว ขณะที่จังหวัดจันทบุรี และตราด เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงการเกษตร

ทั้งนี้ หากประเทศไทยเข้าร่วมกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำให้ประชากร 10 ประเทศ ที่มีมากกว่า 600 ล้านคน เกิดการตื่นตัว และแข่งขัน สิ่งเหล่านี้อาจสร้างผลเสียได้ หากนักธุรกิจของไทย และจังหวัดที่มีชายแดนติดกับกัมพูชาไม่ปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขัน

ปัจจุบัน เส้นทางคมนาคมสายเซาเทิร์นคอริดอร์หรือ R10 ที่มาจากกรุงเทพฯ เข้าชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และข้ามไปยังจังหวัดเกาะกง กัมพูชา สู่ถนนสายที่ 48 เพื่อเชื่อมต่อไปยังจังหวัดกัมโปงโสม สีหนุวิลล์ และเชื่อมต่อไปยังประเทศเวียดนามตอนใต้ ถือว่าเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมทั้งเส้นทางสาย 317 ที่จะมีการก่อสร้างเป็นถนน 4 เลน เชื่อมระหว่างจังหวัดสระแก้วกับจันทบุรี ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย และเชื่อมเข้าไปยังจังหวัดเสียมเรียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครวัด นครธมได้

นอกจากนี้ จังหวัดจันทบุรี และตราด ยังมีชายแดนติดกับจังหวัดพระตะบอง และโพธิสัต ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรโป่งน้ำร้อน และบ้านแหลม เป็นการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจทั้งการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญในอนาคตอีกด้วย

เช่นเดียวกับ นายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้าจังหวัดตราด ที่กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ จะเกิดผลดีต่อนักธุรกิจในพื้นที่จังหวัดตราด และจันทบุรีเป็นอย่างมาก เพราะข้อมูลที่ได้รับรู้จะก่อให้เกิดการปรับแผนการดำเนินธุรกิจของนักธุรกิจในจังหวัดจันทบุรีและตราด เพื่อรองรับการประกาศตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดเกาะกง สีหนุวิลล์ ของกัมพูชา ซึ่งจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางด้านการลงทุน การค้า และการท่องเที่ยว หลังรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแล้ว หากนักธุรกิจท้องถิ่นอย่างตราด และจันทบุรี ที่มีความได้เปรียบในเรื่องพื้นที่ไม่ฉกฉายโอกาส หรือรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อาจจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น