เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ประกาศความพร้อมสู่ Asia Travel Destination หลังจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60% ต่อเดือน เดินหน้าขยายการรับรู้ต่อเนื่องในต่างประเทศ พร้อมระดมกิจกรรมสร้างกระแสตลอดปี
นายณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากเปิดตัวไปอย่างเป็นทางการล่าสุด เอเชียทีค ก็ได้รับการจัดอันดับ จากเว็ปไซด์ไปไหนดีดอทคอม (www.painaidii.com) ให้เป็นอันดับ 1 ในหมวดสถานที่ช้อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทยตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา และได้รับการรีวิวจากเว็ปไซด์ CNNGo ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำแห่งล่าสุดที่หลายคนต้องหลงรัก ทั้งนี้ เอเชียทีค ชัดเจนในแง่แนวคิดการพัฒนา โครงการ ที่มีจุดเด่น 3 ประการ
ประกอบด้วย การเป็น Theme Retail ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ที่สร้างจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงบนที่ดินแห่งนี้เมื่อประมาณ 120 ปีที่แล้ว โดยการเก็บรักษาอาคารเก่าไว้ให้มากที่สุด ผสมผสานกับอาคารใหม่ที่สร้างเพิ่มเติมขึ้นได้อย่างกลมกลืนและลงตัว กับบริบทโดยรวมของพื้นที่ดั่งเดิม ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบรรยากาศและเรื่องราวย้อนยุคได้อย่างใกล้ชิด ตั้งอยู่บนทำเลทองติดริมน้ำเจ้าพระยาที่มีทางเดินยาวกว่า 300 เมตร อีกทั้งยังเป็นโค้งน้ำที่เห็นวิวของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนได้อย่างสวยงามแบบที่สุด และสุดท้ายกับกลยุทธ์การนำเสนอร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมที่สอดคล้องกับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์คนปัจจุบัน ที่สามารถสร้างความเป็น Night Market ได้อย่างชัดเจน
ทั้งยังเสนอขายในราคาที่สมเหตุสมผล มีความหลากหลายในตัวสินค้า แต่ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและเหมาะกับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในส่วนร้านอาหารจะเป็น ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยที่มีสาขาน้อยมากหรือมีเพียงสาขาเดียว ทั้งในรูปแบบของเรสเตอรองต์และบาร์ ซึ่งมีจำนวนร้านอาหารรวมกว่า 45 ร้าน ในปัจจุบัน การแสดงเป็นการแสดงที่หาดูที่ไหนไม่ได้ทั้งโจหลุยส์ และคาลิปโซ่ อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ริมแม่น้ำซึ่งน่าจะเป็นที่เดียวในกรุงเทพฯ ที่สามารถทำได้ ซึ่งจุดขายทั้ง 3 ประการนี้ คือ ปัจจัยหลักที่นำเราสู่ความสำเร็จในระเวลาอันรวดเร็ว
“ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวกว่า 2.4 ล้านคน ได้เดินทางมาสัมผัสความพิเศษสุดของ เอเชียทีค ซึ่งเราเองก็ได้มีการปรับแผนในการรองรับการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของสถานที่จอดรถที่อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่เพิ่มอีก 1,000 คันบนที่ดินฝั่งตรงข้าม รวมถึงการติดตั้งระบบปรับและระบายอากาศภายในโกดังทั้งหมด เพื่อเพิ่มบรรยากาศความสะดวกสบาย ระหว่างการเลือกซื้อสินค้าภายในโครงการและปรับภูมิทัศน์ภายในโครงการ ระบบการให้บริการต่างๆ เพื่อให้ได้มาตรฐาน World Class Travel Destination ในปี 2556 โดยคาดการรายได้รวม ในปีแรกไว้ที่ 250 ล้านบาท ซึ่ง 80% ของรายได้มาจากค่าเช่าพื้นที่ของร้านค้า และ 20% มาจาก การปล่อยพื้นที่ให้เช่าเพื่อจัดกิจกรรม” นายณภัทร กล่าว
ด้านนายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ กล่าวเกี่ยวกับภาพรวมการตอบรับจากกลุ่มนักท่องเที่ยวว่า “ในแง่ของการตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีมาก เพราะจากเดิมเราคาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการประมาณ วันละ 10,000 คนในวันธรรมดาและ 20,000 คนในช่วงวันหยุด แต่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เรามีลูกค้าเข้ามายังโครงการวันละ 15,000-20,000 คนในวันธรรมดา และ 50,000-60,000 คน ในวันหยุด ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 2-3 เท่า ส่งผลบวกต่อบรรดาร้านค้าภายในโครงการโดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร และในส่วนร้านค้าก็มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งน่าจะคึกคักอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เพราะเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว โดยทีมการตลาดของเอเชียทีค จะใช้กลยุทธ์ Theme Retail เข้ามาเป็นจุดขายหลักบวกกับการนำเสนอจุดขายที่มีกิจกรรมต่างสลับหมุนเวียนที่สร้างกระแสไม่ให้เกิดความนิ่ง เพื่อให้ลูกค้าที่มาแล้วก็ไม่เบื่อที่จะมาอีก พร้อมทั้งสามารถดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เข้ามาที่โครงการอีกด้วย และในอีกไม่นานเรามีแผนที่จะเพิ่ม ความครบวงจรของโครงการ บนพื้นที่ที่ยังเหลืออีกกว่า 50% เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้เพิ่มขึ้น”
“ในช่วงแรกลูกค้าคนไทยมีสัดส่วนถึง 90% แต่ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก ทั้งในรูปแบบของกรุ๊ปทัวร์และการมาเที่ยวส่วนตัว ปัจจุบันสัดส่วนของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันธรรมดาอยู่ที่ประมาณ 50:50 ส่วนช่วงวันศุกร์-วันอาทิตย์อยู่ที่ 65:35 ตามลำดับ โดยนักท่องเที่ยวที่มาในอันดับต้นๆ คือ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และชาติอาเซียน โดยเราคาดว่าเมื่อโรงละครคาลิปโซ่และโรงละครเอเชียทีคเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบ จะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ประกอบกับการที่เราได้รับการสนับสนุนอย่างดีมาก จาก ททท. โดยอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ “Amazing Thailand” อีกทั้งทีมการตลาดเอเชียทีค ยังออกไปโรดโชว์เพื่อนำเสนอรายละเอียดโครงการในประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง อาทิ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และยุโรป ซึ่งได้ทำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เรายังได้รับการสนับสนุนจาก ATTA ในส่วนของกรุ๊ปทัวร์และ PATA ในส่วนของงาน MICE จากยุโรปด้วย” นายฐวัฒน์ กล่าวสรุป