อาร์เอสส่งลาลีกาลงทรูวิชั่นส์

อาร์เอสรุกคืบเตรียมแพก “ลาลีกา” จ่อลงทรูวิชั่นส์ หวังขยับเพิ่มฐานคอบอลพรีเมียม พร้อมชูกลยุทธ์การตลาดสร้างรายได้จากลาลีกาผ่านกล่องและสมาชิก มั่นใจครบ 3 ฤดูกาลโกยเงิน 2,000 ล้านบาท มีกำไรตั้งแต่ปีแรก ชี้สถานการณ์เคเบิลทีวีและแซตเทลไลต์ทีวีแข่งดุ รายใหญ่บุกหนัก ทำผู้บริโภคสับสน เชื่อพรีเมียร์ลีกเป็นเหตุ

นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่อาร์เอสได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลาลีกา สเปน 3 ฤดูกาลติดต่อกันคือ 2555/2556, 2556/2557 และ 2557/2558 ล่าสุดในขณะนี้ทางบริษัทได้วางแผนบริหารจัดการสิทธิที่ได้มา พร้อมกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องสอดรับกับสถานการณ์ของตลาดเคเบิลทีวีและแซตเทลไลต์ในปัจจุบันค่อนข้างมาก

จากเดิมที่อาร์เอสตั้งใจเปิดตัวช่องรายการ “RS ลาลีกา” แบบเพย์ทีวี ในรูปแบบแซตเทลไลต์ทีวี โดยสมาชิกที่ต้องการรับชมทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาลนั้นจะต้องเสียค่ารับชมรายเดือนที่ 100 บาท หรือปีละ 1,200 บาท สำหรับกล่องรับสัญญาณอื่นๆ ที่ไม่ใช่กล่องซันบ็อกซ์ เช่น กล่องของทาง PSI, พีเอสไอทรูทีวี, ส่วนกล่องกลุ่มบิ๊ก 4 ได้แก่ กล่องจีเอ็มเอ็มแซท และทรูแพกเกจ โนว์ไลฟ์ แบบกล่องขายขาด สามารถดูได้ ขณะที่กล่องทรูวิชั่นส์แบบสมาชิกรายเดือนไม่สามารถดูได้ ซึ่งช่องทางดังกล่าวถือเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักของการได้คอนเทนต์ลาลีกามา

ลูกค้าที่ซื้อกล่องซันบ็อกซ์อยู่แล้วจะได้รับชมช่อง RS ลาลีกาฟรี 1 ฤดูกาล ซึ่งทางบริษัทได้คำนวณรายได้จากลาลีกาที่มาจากการขายกล่องซันบ็อกซ์ไว้ที่ 300 บาทต่อกล่อง ดังนั้นถึงสิ้นปีที่ตั้งเป้าขายกล่องซันบ็อกซ์ไว้ที่ 5 แสนกล่องนั้นแปลว่าจะเป็นรายได้ของลาลีกาประมาณ 150 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละฤดูกาลการแข่งขันนั้น ทางบริษัทมองว่าจะมีรายได้จากสปอนเซอร์ราว 120-150 ล้านบาท จากสปอนเซอร์หลัก 3 ราย รายละ 20 ล้านบาท คือไทยเบฟ ส่วนอีก 2 รายกำลังเจรจากันอยู่ เป็นกลุ่มสินค้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่เหลือจะเป็นสปอนเซอร์รายย่อย รายละ 3-5 ล้านบาท โดยรวมแล้วมองว่าตลอด 3 ฤดูกาลอาร์เอสจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และคุ้มทุนรวมถึงมีกำไรตั้งแต่ฤดูกาลแรก โดยรายได้หลักๆ กว่า 50% จะมาจากสมาชิก และอีก 50% มาจากการขายกล่อง

โฆษณาเคเบิลทีวีแตะ 20% ปีหน้า

นางพรพรรณ ได้ประเมิณตัวเลขโฆษณาในสื่อเคเบิลทีวีและแซตเทลไลต์ทีวีว่า ในปีหน้าน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือราว 20% จากปัจจุบัน 11% และสิ้นปีน่าจะถึง 12-13% เทียบจากตัวเลขโฆษณาในสื่อโทรทัศน์มูลค่า 60,000 ล้านบาท

นอกจากนี้อาร์เอสยังได้มีการพูดคุยกับทางทรูวิชั่นส์ขายคอนเทนต์บางส่วนไปลงทางช่องรายการของทางทรูวิชั่นส์ด้วย ซึ่งทางทรูวิชั่นส์มีความสนใจทั้งลาลีกา สเปน และช่อง 8 คาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือดังกล่าวในระยะอันใกล้นี้ จากปัจจุบันคอบอลสามารถรับชมลาลีกาได้ฟรีผ่านทางช่อง 7 จำนวน 12 แมตช์ตลอดฤดูกาลนี้ และทางช่อง 8 อีก 30 แมตช์ตลอดฤดูกาลนี้เช่นกัน

นางพรพรรณ ยังได้กล่าวถึงสถาณการณ์ในตลาดเคเบิลทีวีและแซตเทลไลต์ทีวี ที่มีการจับมือกันระหว่างพันธมิตรเจ้าของแพลตฟอร์มกับเจ้าของคอนเทนต์ในช่วงนี้ว่า ยอมรับว่าแผนการจับมือที่เกิดขึ้น ทั้งจากการที่ทรูวิชั่นส์จับมือกับพีเอสไอเปิดตัวกล่องพีเอสไอทรูทีวี หรือการที่ทรูวิชั่นส์จะขายคอนเทนต์ให้ CTH สุดท้ายแล้วผู้บริโภคจะเป็นผู้กำหนดว่าต้องการ หรือตรงกับการรับชมผ่านกล่องแบบใด หรือช่องทางใด

แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการที่ทรูวิชั่นส์ออกมาสร้างพันธมิตรเพิ่มครั้งนี้ก็เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมระดับแมสที่เป็นตลาดใหญ่ในระยะเวลาอันรวดเร็วผ่านพันธมิตร และเป็นการลงทุนที่ไม่สูงมาก ที่สำคัญ การประมูลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลถัดไปนั้นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทรูวิชั่นส์ต้องทำการตลาดค่อนข้างหนักในช่วงนี้

ส่วนเรื่องการประมูลพรีเมียร์ลีกนั้น ล่าสุดหลังจากที่ได้เข้าพบตัวแทนจากทางพรีเมียร์ลีกแล้ว หลังจากนี้ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.จะเป็นช่วงที่ตัวแทนดังกล่าวจะส่งเอกสารถึงผู้ที่ได้สิทธิเข้าร่วมประมูลพรีเมียร์ลีก หลังจากนั้นจะเป็นช่วงการเตรียมตัวพร้อมข้อมูลในการประมูล เชื่อว่าภายในต้นเดือน พ.ย.นี้จะสรุปออกมาได้ ประเทศไทยปีนี้ถือเป็นประเทศที่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลมากสุดในโลก เชื่อว่าจะอยู่ในจำนวน 6 รายที่ได้เข้าพบตัวแทนพรีเมียร์ลีก