โพลวันแม่คาดเงินสะพัด 1.7 หมื่นล้าน โต 7% แต่ส่งสัญญาณ ชาวบ้านชะลอใช้จ่าย เหตุของแพง ด้านดอกมะลิราคาพุ่งกิโลกรัมละ 400 บาทแล้ว
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจประชาชนต่อทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ 1,179 รายว่า ในช่วงวันแม่ปีนี้ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-13 ส.ค. 2555 จะมีเม็ดเงินการจับจ่ายใช้สอยกว่า 17,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีที่แล้วที่มีเม็ดเงินใช้จ่ายที่ 16,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% แต่ถ้าคิดเฉพาะวันแม่ 12 ส.ค.วันเดียวจะมีการใช้จ่ายที่ 11,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7%
สาเหตุที่ประชาชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาจากราคาสินค้าแพงขึ้นทำให้ต้องใช้จ่ายเพิ่ม แต่ปริมาณการซื้อสินค้าไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยกิจกรรมที่นิยมทำในวันแม่คือ พาแม่ไปทำบุญ รองลงมาเป็นพาแม่ไปรับประทานข้าว ทำอาหารรับประทานกันในบ้าน พาแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด ซื้ออาหารมารับประทานที่บ้าน ส่วนของขวัญยอดนิยมที่ซื้อไปฝากแม่ ได้แก่ พวงมาลัยดอกไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ให้เงินสด กระเช้าผลไม้ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง ประกันชีวิต โปรแกรมสุขภาพ
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่าสิ่งที่จะปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติคือ ถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีมีพระวรกายแข็งแรง ตามด้วยให้อภัยกัน ยิ้มให้กัน และมีน้ำใจให้กัน สำหรับสิ่งที่แม่เป็นห่วงลูกคือ ยาเสพติด ยกพวกตีกันของวัยรุ่น และท้องก่อนแต่ง และแม่กว่า 50% ระบุว่าต้องมีความอดทนในการเลี้ยงดูลูกมากขึ้นเพราะปัญหาสังคมมากขึ้น อีกทั้งแม่สมัยใหม่มีลูกก่อนวัยอันควร ขณะเดียวกันต้องการให้ลูกเป็นคนดี ส่วนสิ่งที่ลูกต้องการให้แม่คือ มีเวลาให้ แสดงความรักด้วยการกอด หรือให้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น และนิยมมอบดอกไม้และกราบเท้าแม่มากสุดในวันแม่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการบริโภคที่ชะลอตัวลง เห็นได้จากช่วงวันหยุดยาววันแม่แห่งชาติ แม้จะมีการใช้จ่ายสูงกว่าปีก่อนกว่า 1 พันล้านบาท แต่กลับขยายตัวแค่ 7.3% ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวถึง 13.6% แสดงว่าคนไทยเริ่มมีการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาที่เห็นสัญญาณการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน หากรัฐบาลต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจโต 5.6-5.7% จะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลราคาพลังงาน และราคาสินค้า และมีแผนรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจีดีพีอาจโตเหลือ 5.1-5.5% ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ราคาดอกมะลิในท้องตลาดได้มีการปรับสูงขึ้นมาก โดยที่ปากคลองตลาด ราคา 1 ลิตร 400 บาท ขณะที่ราคาดอกมะลิร้อยเป็นเส้น 4 แฉก แพกละ 300 บาท เนื่องจากมีความต้องการใช้ดอกมะลิเพิ่มขึ้น และผลผลิตดอกมะลิมีจำนวนลดลงเนื่องจากอากาศแปรปรวนทำให้ออกดอกน้อยลง โดยคาดว่าแนวโน้มราคาอาจจะแพงขึ้นไปกว่านี้อีก ขณะที่ดอกไม้อื่นๆ ที่นำไปร้อยเป็นพวงมาลัย เช่น ดอกรัก ดอกดาวเรือง ก็เริ่มมีราคาสูงขึ้นด้วย
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจประชาชนต่อทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ 1,179 รายว่า ในช่วงวันแม่ปีนี้ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-13 ส.ค. 2555 จะมีเม็ดเงินการจับจ่ายใช้สอยกว่า 17,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีที่แล้วที่มีเม็ดเงินใช้จ่ายที่ 16,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% แต่ถ้าคิดเฉพาะวันแม่ 12 ส.ค.วันเดียวจะมีการใช้จ่ายที่ 11,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7%
สาเหตุที่ประชาชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาจากราคาสินค้าแพงขึ้นทำให้ต้องใช้จ่ายเพิ่ม แต่ปริมาณการซื้อสินค้าไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยกิจกรรมที่นิยมทำในวันแม่คือ พาแม่ไปทำบุญ รองลงมาเป็นพาแม่ไปรับประทานข้าว ทำอาหารรับประทานกันในบ้าน พาแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด ซื้ออาหารมารับประทานที่บ้าน ส่วนของขวัญยอดนิยมที่ซื้อไปฝากแม่ ได้แก่ พวงมาลัยดอกไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ให้เงินสด กระเช้าผลไม้ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง ประกันชีวิต โปรแกรมสุขภาพ
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่าสิ่งที่จะปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติคือ ถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีมีพระวรกายแข็งแรง ตามด้วยให้อภัยกัน ยิ้มให้กัน และมีน้ำใจให้กัน สำหรับสิ่งที่แม่เป็นห่วงลูกคือ ยาเสพติด ยกพวกตีกันของวัยรุ่น และท้องก่อนแต่ง และแม่กว่า 50% ระบุว่าต้องมีความอดทนในการเลี้ยงดูลูกมากขึ้นเพราะปัญหาสังคมมากขึ้น อีกทั้งแม่สมัยใหม่มีลูกก่อนวัยอันควร ขณะเดียวกันต้องการให้ลูกเป็นคนดี ส่วนสิ่งที่ลูกต้องการให้แม่คือ มีเวลาให้ แสดงความรักด้วยการกอด หรือให้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น และนิยมมอบดอกไม้และกราบเท้าแม่มากสุดในวันแม่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการบริโภคที่ชะลอตัวลง เห็นได้จากช่วงวันหยุดยาววันแม่แห่งชาติ แม้จะมีการใช้จ่ายสูงกว่าปีก่อนกว่า 1 พันล้านบาท แต่กลับขยายตัวแค่ 7.3% ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวถึง 13.6% แสดงว่าคนไทยเริ่มมีการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาที่เห็นสัญญาณการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน หากรัฐบาลต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจโต 5.6-5.7% จะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลราคาพลังงาน และราคาสินค้า และมีแผนรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจีดีพีอาจโตเหลือ 5.1-5.5% ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ราคาดอกมะลิในท้องตลาดได้มีการปรับสูงขึ้นมาก โดยที่ปากคลองตลาด ราคา 1 ลิตร 400 บาท ขณะที่ราคาดอกมะลิร้อยเป็นเส้น 4 แฉก แพกละ 300 บาท เนื่องจากมีความต้องการใช้ดอกมะลิเพิ่มขึ้น และผลผลิตดอกมะลิมีจำนวนลดลงเนื่องจากอากาศแปรปรวนทำให้ออกดอกน้อยลง โดยคาดว่าแนวโน้มราคาอาจจะแพงขึ้นไปกว่านี้อีก ขณะที่ดอกไม้อื่นๆ ที่นำไปร้อยเป็นพวงมาลัย เช่น ดอกรัก ดอกดาวเรือง ก็เริ่มมีราคาสูงขึ้นด้วย
