“เบบี้ มายด์” อัดงบ 200 ล้านบาทแตกไลน์สินค้าใหม่ เร่งสร้างแบรนด์แข็งแกร่งมีสินค้าครบเครื่อง บุกตลาดอาเซียนรับเออีซีอีก 3 ปีข้างหน้า หยั่งเชิงขนของใช้ส่วนบุคคลลุยอินโดจีนก่อน ล่าสุดเท 80 ล้านบาทแก้เกี้ยวตลาดไม่โตหลังเด็กไทยเกิดน้อย ระเบิดเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์เด็กออแกนิกระดับพรีเมียม เดินเกมขนนวัตกรรมกวาดเจ้าตลาดสินค้าเด็ก
นางสาวต้องหทัย กุวานนท์ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเบบี้มายด์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดโดยรวม กลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กเบบี้ มายด์ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากบริษัทมีนโยบายแตกไลน์สินค้าใหม่หลากหลายแคทิกอรีในสัดส่วน 5-8% นอกจากนี้ งบที่เพิ่มขึ้นเพื่อต้องการสร้างแบรนด์เบบี้มายด์ให้มีความแข็งแกร่งในประเทศเพื่อรุกส่งออกในประเทศอินโดจีน ได้แก่ พม่า เขมร ลาว
โดยการรุกขยายตลาดอินโดจีนบริษัทจะโฟกัสกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลสำหรับเด็ก ก่อนหน้านี้เข้าไปทำตลาดร่วม 5 ปีภายใต้การมีตัวแทนจำหน่าย แต่จากนี้จะเน้นการสื่อสารตลาดมากขึ้น การขยายแคทิกอรีใหม่ๆ และให้ความสำคัญต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจาก 5-10% เป็น 15% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ขณะที่สเต็ปที่ 2 คือ การรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งมีทั้งคู่แข่งที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่น และระดับอินเตอร์
สำหรับสภาพตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในปีนี้เติบโต 3- 5% เนื่องจากอัตราการเกิดของเด็กมีลดลงทำให้การขยายตัวของตลาดเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการจะทำตลาดเจาะกลุ่มแม่มากขึ้นก็ตาม ล่าสุดบริษัทจึงได้แตกไลน์เบบี้ มายด์ ออแกนิกเป็นเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กใหม่ที่มีสารสกัดออแกนิกในระดับพรีเมียม เพื่อสร้างดีมานด์ใหม่ๆ
และผลักดันให้ตลาดเติบโตมากขึ้น โดยได้ทุ่มงบการตลาด 80 ล้านบาทปูพรมเปิดตัวสินค้า โฟมอาบน้ำ มอยส์เจอไรเซอร์ แป้ง เจาะกลุ่มเป้าหมายแม่ที่ใส่ใจสินค้าเพื่อสุขภาพมองหาสินค้าจากธรรมชาติ มีส่วนผสมของสารเคมีน้อย
นางสาวต้องหทัยกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กออแกนิกระดับพรีเมียมเป็นเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งแม้ว่าราคาจะสูงกว่าสินค้าปกติ แต่มั่นใจว่าราคาสินค้าไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากนัก เนื่องจากปัจจัยการตัดสินใจซื้อของกลุ่มแม่จะมาจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ มีส่วนผสมของสารเคมีน้อย และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเบบี้ มายด์
ออแกนิก มีสัดส่วนรายได้ 5% จากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเบบี้มายด์เติบโต 10% หรือราว 2,000 ล้านบาท
บริษัทวางเป้าหมายกลุ่มสินค้าเบบี้มายด์จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดทุกแคทิกอรี จากปัจจุบันเบบี้ มายด์เป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ครองส่วนแบ่ง 37% จากมูลค่าตลาด 585 ล้านบาท เติบโต 14% กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กเป็นผู้นำตลาด ขณะที่ตลาดมอยส์เจอไรเซอร์ ครองส่วนแบ่ง 20% และแป้งเด็กมีส่วนแบ่ง 10% เป็นอันดับ 2 ของตลาด ซึ่งสภาพตลาดในขณะนี้กลุ่มของใช้ส่วนบุคคลสำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของใช้เด็กมีการแข่งขันที่รุนแรง
นางสาวต้องหทัย กุวานนท์ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเบบี้มายด์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดโดยรวม กลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กเบบี้ มายด์ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากบริษัทมีนโยบายแตกไลน์สินค้าใหม่หลากหลายแคทิกอรีในสัดส่วน 5-8% นอกจากนี้ งบที่เพิ่มขึ้นเพื่อต้องการสร้างแบรนด์เบบี้มายด์ให้มีความแข็งแกร่งในประเทศเพื่อรุกส่งออกในประเทศอินโดจีน ได้แก่ พม่า เขมร ลาว
โดยการรุกขยายตลาดอินโดจีนบริษัทจะโฟกัสกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลสำหรับเด็ก ก่อนหน้านี้เข้าไปทำตลาดร่วม 5 ปีภายใต้การมีตัวแทนจำหน่าย แต่จากนี้จะเน้นการสื่อสารตลาดมากขึ้น การขยายแคทิกอรีใหม่ๆ และให้ความสำคัญต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจาก 5-10% เป็น 15% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ขณะที่สเต็ปที่ 2 คือ การรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งมีทั้งคู่แข่งที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่น และระดับอินเตอร์
สำหรับสภาพตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในปีนี้เติบโต 3- 5% เนื่องจากอัตราการเกิดของเด็กมีลดลงทำให้การขยายตัวของตลาดเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการจะทำตลาดเจาะกลุ่มแม่มากขึ้นก็ตาม ล่าสุดบริษัทจึงได้แตกไลน์เบบี้ มายด์ ออแกนิกเป็นเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กใหม่ที่มีสารสกัดออแกนิกในระดับพรีเมียม เพื่อสร้างดีมานด์ใหม่ๆ
และผลักดันให้ตลาดเติบโตมากขึ้น โดยได้ทุ่มงบการตลาด 80 ล้านบาทปูพรมเปิดตัวสินค้า โฟมอาบน้ำ มอยส์เจอไรเซอร์ แป้ง เจาะกลุ่มเป้าหมายแม่ที่ใส่ใจสินค้าเพื่อสุขภาพมองหาสินค้าจากธรรมชาติ มีส่วนผสมของสารเคมีน้อย
นางสาวต้องหทัยกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กออแกนิกระดับพรีเมียมเป็นเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งแม้ว่าราคาจะสูงกว่าสินค้าปกติ แต่มั่นใจว่าราคาสินค้าไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากนัก เนื่องจากปัจจัยการตัดสินใจซื้อของกลุ่มแม่จะมาจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ มีส่วนผสมของสารเคมีน้อย และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเบบี้ มายด์
ออแกนิก มีสัดส่วนรายได้ 5% จากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเบบี้มายด์เติบโต 10% หรือราว 2,000 ล้านบาท
บริษัทวางเป้าหมายกลุ่มสินค้าเบบี้มายด์จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดทุกแคทิกอรี จากปัจจุบันเบบี้ มายด์เป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ครองส่วนแบ่ง 37% จากมูลค่าตลาด 585 ล้านบาท เติบโต 14% กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กเป็นผู้นำตลาด ขณะที่ตลาดมอยส์เจอไรเซอร์ ครองส่วนแบ่ง 20% และแป้งเด็กมีส่วนแบ่ง 10% เป็นอันดับ 2 ของตลาด ซึ่งสภาพตลาดในขณะนี้กลุ่มของใช้ส่วนบุคคลสำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของใช้เด็กมีการแข่งขันที่รุนแรง