xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรกรชาวสวนกาแฟเร่งเก็บกาแฟตากขายรายได้งามกว่าทุกปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เกษตรกรอำเภอละอุ่น เร่งเก็บกาแฟเพื่อส่งขายให้แก่โรงงาน ปีนี้คาดว่าได้ราคาดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 62-65 บาท เนื่องจากสภาพอากาศที่ดี ทำให้ผลผลิตที่ออกมามีคุณภาพดี โรงงานจึงให้ราคาสูง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นกอบเป็นกำ

นายภิรมย์ ชินสรณ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/2 ม.1 บ้านในวงใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ เปิดเผยว่า ขณะนี้กาแฟที่ปลูกในพื้นที่ อ.ละอุ่น กำลังสุกเต็มที่ จึงต้องเร่งเก็บกาแฟเพื่อนำมาตากแห้งก่อนที่จะส่งขายให้แก่โรงงานรับซื้อกาแฟที่จังหวัดชุมพร โดยปีนี้ราคาดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา สามารถขายกาแฟได้สูงถึงกิโลกรัมละ 62-65 บาท แล้วแต่คุณภาพของเมล็ดกาแฟ โดยหลายปีที่ผ่านมา ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-55 บาทเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพดี เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศดี เหมาะแก่การเจริญเติบโตของกาแฟ ซึ่งในส่วนของตนเองเองน่าจะเก็บขายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตัน ขายได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท เนื่องจากผลเมล็ดกาแฟติดผลมากกว่าทุกๆ ปี และทราบมาว่า บางรายอาจจะเก็บได้มากถึง 7-8 ตัน ในรายที่มีพื้นที่เพาะปลูกกาแฟจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจตลาดโดยรวมทราบว่า สาเหตุที่ทำให้ราคากาแฟภาคใต้เริ่มดีขึ้น เพราะชาวสวนกาแฟส่วนใหญ่เปลี่ยนไปปลูกพืชปาล์มน้ำมันกันมากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้มีปริมาณพื้นที่ปลูกกาแฟโดยรวมลดน้อยลง ผลผลิตกาแฟที่ออกสู่ตลาดจึงลดน้อยลงตามจำนวน และกาแฟในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่จังหวัดชุมพร และระนองจะเป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ให้ปริมาณกาเฟอีนมากกว่ากาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าซึ่งเป็นกาแฟที่มีรสชาติดี หอม และนิยมปลูกกันมากทางภาคเหนือ เนื่องจากภูมิอากาศหนาวเอื้ออำนวยสำหรับการปลูกกาแฟพันธุ์นี้

ส่วนโรงงานที่รับซื้อกาแฟใหญ่ที่สุดในขณะนี้ คือ บริษัทเนสท์เล่ ซึ่งส่งนักวิจัย และนักวิชาการลงมาสำรวจปริมาณ และพื้นที่ของเกษตรกรชาวสวนกาแฟก่อนหน้านี้ อีกบริษัทที่กำลังกระโจนเข้าสู่ตลาดผู้ผลิตเมล็ดกาแฟ คือ กาแฟอเมซอน ในเครือ ปตท. ที่หันมาทำธุรกิจกาแฟครบวงจร กำลังหาพื้นที่ปลูกกาแฟเพื่อส่งเสริมการปลูกให้เป็นกาแฟออแกนิก กาแฟที่มาจากธรรมชาติ โดยไม่ใส่ปุ๋ย หรือสารเคมี และจะมีการประกันราคาให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดรับซื้อทั่วไป



กำลังโหลดความคิดเห็น