สินค้ายังแพงต่อเนื่อง ดันเงินเฟ้อ ก.ค. พุ่ง 2.73% ส่วน 7 เดือนเพิ่ม 2.92% “พาณิชย์” โวยังอยู่ในกรอบ 3.3-3.8% เผย “ปู” เป็นห่วงค่าเช่าแพง สั่งพาณิชย์ผนึกสภาพัฒน์ดูแลค่าเช่า หวั่นกระทบค่าครองชีพประชาชน
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค. 2555 เท่ากับ 115.82 เทียบกับเดือน มิ.ย. 2555 สูงขึ้น 0.35% เทียบกับเดือน ก.ค. 2554 สูงขึ้น 2.73% ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-ก.ค.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 สูงขึ้น 2.92% แต่ยังถือว่าต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ทั้งปีที่ตั้งไว้ 3.3-3.8% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือน ก.ค. 2555 เท่ากับ 108.34 เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 2555 สูงขึ้น 0.03% เทียบเดือน ก.ค. 2554 สูงขึ้น 1.87%
สาเหตุที่เงินเฟ้อเดือน ก.ค.สูงขึ้น 2.73% มาจากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 5.42% โดยดัชนีราคาหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งสูงขึ้น 2.27% ปลาและสัตว์น้ำ 4.04% ผักและผลไม้ 21.45% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2.94% และอาหารสำเร็จรูป 4.74% ขณะที่ดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 1.03% จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถาน 2.56% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล 1.05% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า 0.93% หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ 0.63% หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนาสูงขึ้น 0.58%
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อ 7 เดือนเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ ภาพรวมมาจากนโยบายการกำกับดูแลราคาสินค้าเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้ผลดี ประกอบกับภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกไม่ได้สูงมากนัก และรัฐบาลยังคงมีนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน ได้แก่ ค่ารถเมล์ฟรี ค่าน้ำประปา
นายยรรยงกล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับปัญหาการขึ้นค่าเช่าที่อยู่อาศัย ทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ จึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เร่งศึกษาแนวทางดูแลเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากเกินไป หลังจากข้อมูลในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หมวดเคหสถานเพิ่มขึ้นถึง 2.56% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน ก.ค. 2555 อยู่ที่ 29.1 เพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย. 2555 ที่ 27.6 โดยแบ่งเป็นดัชนีความเชื่อมั่นที่ 21.5 เพิ่มขึ้นจาก 20.9 และดัชนีเชื่อมั่นอนาคต 34.2 เพิ่มจาก 32.1 โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลมาจากการที่ ครม.ขยายเวลาเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันต่อไป 1 เดือน รวมถึงแทรกแซงราคายางพารา 1.5 หมื่นล้านบาท การไม่เกิดปัญหาการเมือง มีการเลือกตั้งท้องถิ่นใน 31 จังหวัด ส่วนปัจจัยลบมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และสินค้าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รวมถึงการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก
