xs
xsm
sm
md
lg

เบสเวสเทิร์นยัน รร.ไทยยังเล่นเกมราคา ฉะรัฐฝันรายได้ 2 ล้านล้านชี้ขาดการจัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บอสใหญ่เบส เวสเทิร์นยันตลาดโรงแรมในประเทศไทยยังแข่งขันสูง เล่นสงครามถล่มราคาไม่เลิก ยันโรงแรมระดับ 3 ดาวยังรุ่ง พร้อมเดินหน้าเปิดเพิ่มอีก 5 แห่งใน 2 ปี ฉะรัฐบาลไทย ฝันปั้นรายได้ 2 ล้านล้านบาท แต่ขาดระบบการจัดการที่ดี ปัญหาความแออัดสนามบินสุวรรณภูมิจุดหลักคือที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

นายเกลนน์ เดอ ซูซา รองประธานฝ่ายปฏิบัติการตลาดเอเชีย และตะวันออกกลาง (Vice President International Operations Asia & Middle East) เบส เวสเทิร์น เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์แข่งขันสูง เพราะจำนวนห้องพักที่เพิ่มมากขึ้นในสัดส่วนที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว จึงเกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นผลให้ผู้ประกอบการต้องงัดกลยุทธ์ลดราคา สร้างแรงจูงใจ โดยอาศัยรายได้จากปริมาณการขาย ทำให้อัตราราคาห้องพักเฉลี่ยแล้วลดลงกว่าเมื่อ 2-3 ปีก่อน

“จากจำนวนห้องพักที่เพิ่มมากขึ้น จึงเกิดสงครามราคาเพื่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการ ตลาดโรงแรมในประเทศไทย อำนาจจึงเป็นของผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย”

***โรงแรมใหญ่หนีตายดัมป์ราคาเรียกแขก***
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลจากตลาดโอเวอร์ซัปพลายนี้ส่วนมากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องพักมากกว่า 250-500 ห้องขึ้นไป เพราะกลุ่มนี้จะมีต้นทุนฟิกซ์คอสต์สูง ทำให้ต้องเน้นการขายแบบเอาปริมาณ เพื่อให้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงไว้ก่อน รายได้รวมจะได้สูง แต่พอเป็นค่าเฉลี่ยจะพบว่าราคาห้องไม่ได้ปรับสูงตามไปด้วย จึงเห็นได้ว่าโรงแรมระดับ 5 ดาวจะขายห้องพักในราคา 4 ดาว ส่วนโรงแรม 4 ดาวปรับราคาเหลือ 3 ดาว ลดหลั่นกันลงมาเรื่อยๆ

ในส่วนของ เบส เวสเทิร์นยังมีความได้เปรียบเพราะเป็นโรงแรมขนาดไม่ใหญ่มาก เฉลี่ยที่ 100 ห้อง ระดับ 3.5-4 ดาว เน้นให้บริการลูกค้าแบบคุ้มค่าเงิน เลือกบริการในสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบ และตั้งอยู่บนโลเกชันที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง มีเครือข่ายการตลาดครอบคลุมทั่วโลก จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โอเวอร์ซัปพลายมากนัก

*** 3 ดาวมาแรง เบส เวสเทิร์นเปิดอีก 5 แห่ง ****
อย่างไรก็ตาม เบส เวสเทิร์นยังทยอยเข้ารับบริหารโรงแรมในประเทศไทยอีกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้จะเปิดเบส เวสเทิร์นในประเทศไทยอีก 5 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 4 แห่ง ได้แก่ ย่านแจ้งวัฒนะ รัชโยธิน สาทร เอกมัย และที่ภูเก็ต บริเวณหาดป่าตอง 1 แห่ง โดยทั้งหมดจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงปีหน้า ตั้งเป้าหมายว่าเฉพาะในประเทศไทย ภายในปี 2558 จะมีโรงแรมเบส เวสเทิร์นรวม 20 แห่ง จากปัจจุบันมี 14 แห่ง ตั้งแต่ระดับ 3-5 ดาว

“เบส เวสเทิร์นจะมีโรงแรมระดับ 3-4 ดาวไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ แต่ก็มี เบส เวสเทิร์นพรีเมียร์ที่เป็นระดับ 5 ดาวไว้ให้บริการเช่นกัน แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าโรงแรมมิด สเกล (midscale) หรือระดับ 3-4 ดาวเป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของลูกค้า เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปัจจุบันมองที่ความคุ้มค่า ความปลอดภัย และความสะดวกเป็นหลัก
และโรงแรมของเบส เวสเทิร์นจะไม่เน้นห้องอาหาร ทำให้แต่ละพร็อพเพอร์ตี้จะมีห้องอาหารคอยบริการเพียง 1 ห้อง ทำให้ 80% ของรายได้มาจากห้องพัก”

***ชี้ ตม.ปัญหาหลักทำสุวรรณภูมิแออัด***
นายเกลนน์กล่าวอีกว่า กรณีที่รัฐบาลวางเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทในปี 2558 โดยส่วนตัวมองว่าศักยภาพของประเทศไทยมีความเป็นไปได้จากเป้าหมายดังกล่าว เพราะมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว และมีความคุ้มค่าเงิน แต่ความเป็นไปได้ อาจยากเพราะปัญหาสำคัญของประเทศไทย ที่นอกเหนือจากเรื่องปัญหาการเมือง และภัยธรรมชาติ คือเรื่องของความไม่กล้าตัดสินใจของรัฐบาล และไม่มีการเรียงลำดับความสำคัญ ของการทำงาน ไม่มีกระบวนการบริหารจัดการที่ดี

ดังนั้น ที่รัฐบาลควรเร่งปรับปรุงคือ ระบบคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งปัญหาไม่ใช่แค่รัยเวย์ แต่ที่สำคัญคือความแออัดที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน และเป็นปัญหาสำคัญ หากไทยยังต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ เพราะแม้จะเพิ่มรันเวย์แต่นักท่องเที่ยวก็ต้องมาแออัดที่ด่านตรวจลงตราวีซ่าอยู่ดี

นอกจากนั้นควรเร่งเปิดใช้สนามบินดอนเมืองให้เป็นสนามบินสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสต์) เพื่อลดความแออัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะปัจจุบันมีเสียงบ่นจากนักท่องเที่ยว จำนวนมากแล้วว่าไม่พอใจกับความแออัดที่เกิดขึ้นของสนามบินสุวรรณภูมิ และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เขาตัดสินใจไม่มาประเทศไทยอีกก็ได้

“เชื่อว่าตอนนี้รัฐบาลเริ่มมองเห็นปัญหาแล้ว ก็ควรที่จะคิดวางแผนแก้ปัญหา และเร่งทำให้ไปสู่การปฏิบัติ และควรจะทำก่อนที่จะเปิดให้มีการลงทุนเมกะโปรเจกต์ โดยเรียงลำดับความสำคัญให้ถูก ท่องเที่ยวของประเทศก็มีโอกาสเติบโต”
กำลังโหลดความคิดเห็น