ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รอง.ผบ.ตร.ลงป่าตอง จ.ภูเก็ต ประกาศให้เป็นพื้นที่นำร่อง SAFETY ZONE สร้างความเชื่อมั่นในการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว แนะผู้ประกอบการแท็กซี่ป้ายดำเข้าสู่ระบบ มั่นใจภายใน 3 เดือนแก้ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ เจ็ตสกี ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภูเก็ตเห็นผลเป็นรูปธรรม
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบรถแท็กซี่ป้ายดำ คิวหน้าศูนย์การค้าจังซีลอน หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ถึงการจัดระเบียบเพื่อให้รถป้ายดำเข้าสู่ระบบ เพื่อแก้ไขปัญหา และสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยมีนายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือพิโซน่ากรุ๊ป ประธานสหพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ พร้อมด้วยสมาชิกให้การต้อนรับ และชี้แจงรายละเลียด
โดยนายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือพิโซน่ากรุ๊ป ประธานสหพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของแท็กซี่ป้ายดำที่ให้บริการคิวศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ได้มีการจัดทำประวัติของผู้ที่เป็นสมาชิก มีจุดจอดรถที่ชัดเจน ผู้ขับรถจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้ สวมใส่ยูนิฟอร์ม และมีป้ายแสดงราคาชัดเจน ปัจจุบัน มีสมาชิกประมาณ 150 คัน และมีการจัดการอบรมให้ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทุกๆ 3 เดือน นอกจากนี้ ยังมีการร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ด้วย ส่วนของการนำรถป้ายดำเข้าสู่ระบบให้ถูกกฎหมายก็คิดว่าไม่มีปัญหา แต่จะต้องมีการกำหนดราคาที่เหมาะสม รวมถึงการจัดแบ่งพื้นที่ในการให้บริการที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นเรื่องของมวลชน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการพูดคุยทำความเข้าใจ ทั้งนี้ เห็นด้วยกับการที่จะมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพราะจะทำให้สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ เนื่องจากมีบางครั้งนักท่องเที่ยวจะเป็นผู้ก่อเหตุก่อน แต่กลับถูกเหมารวมว่าคนขับแท็กซี่เป็นคนทำร้าย ก็อยากให้ความเป็นธรรมแก่คนขับรถด้วย
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ป่าตอง ว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ลงมาติดตามความคืบหน้ามาตรการการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ เจ็ตสกี ปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวเข้ามามากที่สุด ซึ่งการแก้ไขปัญหา และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวนั้นจะทำโมเดลการแก้ไขปัญหาของจังหวัดภูเก็ตขึ้นมาเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวนั้น กำหนดมาตรการในการดำเนินงาน 3 มาตรการด้วยกัน ประกอบด้วย 1.การจัดทำฐานข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยว จุดล่อแหลม และจุดอ่อนในการดูแลรักษาความปลอดภัย การทำฐานข้อมูลขึ้นบัญชีผู้ประกอบการแท็กซี่ป้ายดำ ผู้ประกอบการเจ็ตสกี และผู้ประกอบการที่ก่อเหตุหลอกลวงนักท่องเที่ยว 2.การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งจังหวัด ขนส่ง เจ้าท่า และภาคเอกชน
3.มาตรการการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องของกล้องวงจรปิดที่จะนำมาใช้ในการป้องกันและปราบปราม รวมทั้งการติดตามจับกุมคนร้าย เรื่องของระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ซึ่งจะช่วยกำหนดจุดเสียง จุดอันตรายเพื่อบอกกล่าวให้นักท่องเที่ยวทราบอย่างชัดเจน การกำหนดแผนการตรวจตราด้านความปลอดภัยทางตำรวจจะต้องทำอย่างชัดเจน และ 4.เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายที่จะต้องทำอย่างชัดเจนตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มอบหมาย ซึ่งการดำเนินการนั้นจะใช้การพูดคุยก่อน
สำหรับการลงพื้นที่ป่าตองในวันนี้ (4 ก.ค.) ก็เพื่อที่จะมาทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการแท็กซี่ป้ายดำเพื่อให้เข้าสู่การจัดระเบียบโดยเร็ว เพราะถ้าฝ่าฝืนไม่เข้าสู่ระบบให้ถูกต้องก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในเรื่องของการแก้ปัญหาดังกล่าวทาง ผบ.ตร.ได้ออกแผนการปฏิบัติมาแล้ว โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันทำงาน ซึ่งในส่วนของเมืองท่องเที่ยวจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว โดยการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวให้มากขึ้น นอกจากนั้น ในส่วนของตำรวจทุกสถานีทั่วประเทศจะต้องมีแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
สำหรับมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น เลือกพื้นที่หาดป่าตองนำร่องดำเนินการเรื่องของ SAFETY ZONE โดยจะต้องดำเนินการดังนี้ 1.คือการกำหนดพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ สำรวจพื้นที่ล่อแหลมเสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรม เพื่อกำหนดเป็นจุด SAFETY ZONE แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์จุดล่อแหลม 2.ให้หัวหน้าสถานีร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวไปกำหนดมาตรการป้องกัน โดยให้ตำรวจภูธรจังหวัดเข้ามาช่วยกำกับดูแลโดยตั้งชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย และให้บริการนักท่องเที่ยว โดยใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีร่วมกันดูแล ซึ่งเรื่องนี้จะดำเนินการภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ SAFETY ZONE จะต้องรู้สึกว่ามีความปลอดภัย ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้พบว่า ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นอย่างดี ส่วนตัวชี้วัดเรื่องของการจัดทำพื้นที่ SAFETY ZONE นั้นจะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว และจำนวนคดีที่เกิดลดลง
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ เจ็ตสกี ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น คงจะไม่สามารถแก้ได้ภายในวันสองวัน หรือภายในสัปดาห์สองสัปดาห์ แต่เชื่อว่าภายใน 3 เดือน จะเห็นผลเป็นรูปธรรมแน่นอน