ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผุด “ภูเก็ตโมเดล” ทำแผนปฏิบัติการดูแลรักษาความปลอดภัย แก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เชื่อจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ประชุมร่วมกับผู้บังคับการ ผู้กำกับการทุกสถานีในจังหวัดภูเก็ต ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก มีรายได้เข้าสู่ประเทศถึงปีละกว่า 1.1 แสนล้านบาท แต่ก็มีปัญหาที่ได้รับร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวหลายเรื่อง ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ทั้งเรื่องปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ ปัญหาเจ็ตสกี และปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอโมเดลของจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดแรก ที่สามารถรองรับสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้ โมเดลแรก คือ ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีจำนวน 73 คิว รถแท็กซี่จำนวน 1,380 คัน กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต ทั้งที่หาดป่าตอง ตัวเมืองภูเก็ต หาดบางเทา หาดไม้ขาว หาดกะตะ กะรน และสนามบิน ซึ่งรถแท็กซี่ป้ายดำเหล่านี้มีความผิดตามกฎหมายโดยสภาพ และผิดโดยพฤติการณ์
โดยรูปแบบของโมเดลนั้น มีการตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด จัดระเบียบรถแท็กซี่ป้ายดำ สำรวจปรับฐานข้อมูลจำนวนรถแท็กซี่ป้ายดำ ผู้ขับขี่ และแหล่งที่จอดรถแท็กซี่ป้ายดำในแต่ละพื้นที่ ให้ได้จำนวนที่แท้จริง แล้วดำเนินการจดทะเบียนให้ถูกต้อง พิจารณากำหนดโซนจัดระเบียบจุดจอดรถแท็กซี่ที่ถูกต้อง มีโซนรับผิดชอบอย่างชัดเจน อีกทั้งให้มีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ ต้องเรียกผู้ประกอบการ ผู้มีอิทธิพลเข้ามาพูดคุยเจรจากันว่า เป็นนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการต้องมีการเข้าไปตรวจสอบกำกับ ควบคุม ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คอยตักเตือน ซึ่งขั้นตอนแรกๆ เป็นการทำในเรื่องรัฐศาสตร์ หากไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งในเรื่องนี้ ตนจะให้เวลา 2 สัปดาห์ หากผู้ประกอบการไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ตนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไข ลดการเอาเปรียบ และสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ที่สามารถมองเห็นได้ จับต้องได้
โมเดลที่ 2 คือปัญหาเจ็ตสกี ซึ่งทราบว่า จังหวัดภูเก็ตเองได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด ทำการควบคุม จนปัจจุบัน สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ มีเจ็ตสกีที่อยู่ในความควบคุม จำนวน 286 ลำ จาก 5 ชายหาดที่เกี่ยวข้อง แต่ปัญหาที่มักจะเกิดที่ตรวจพบคือ การเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเรียกค่าเสียหายเกินความเป็นจริง การนำแรงงานต่างด้าวมาเป็นผู้ให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีความชำนาญ จนเกิดผลเสียหาย เกิดอุบัติเหตุตามมา และการทำสัญญาประกันภัยแบบสมัครใจยังมีปัญหา ด้วยผู้ประกอบการยังไม่ให้ความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาเรื่องเจ็ตสกี จะแก้ไขได้อย่างยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือ การบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ สำนักงานเจ้าท่า จังหวัดและท้องถิ่น ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจพื้นที่ ซึ่งโมเดลเกี่ยวกับเรื่องเจ็ตสกีนั้น ตนทราบว่า ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไปบางส่วนแล้ว และพยายามแก้ไขเรื่องนี้ แต่ที่ตนมาเน้นย้ำ ก็เพื่อให้นำไปดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการ เพื่อลดการเอาเปรียบ แก้ไขปัญหา และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักท่องเที่ยว ตนเชื่อว่า หากทำสำเร็จ จ.ภูเก็ต จะเป็น ภูเก็ตโมเดล ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว เป็นเมืองที่น่าดึงดูด สร้างความหลงไหลให้แก่นักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก และสามารถนำรายได้มาสู่ประเทศชาติของเราได้มากที่สุดของประเทศได้
